รีวิว BMW F900GS แอดเวนเจอร์ไบค์หรือบิ๊กเอ็นดูโร่??
พัตนาให้พร้อมลุยได้มากยิ่งขึ้นไปอีกระดับกับแอดเวนเจอร์ไบค์ระดับกลางอย่าง BMW F900GS ที่ตอนนี้ก้าวสู่โหมดลุยอย่างเต็มตัว แต่ยังคงเอกลักษ์การควบคุมที่ดีเยี่ยมในแบบฉบับ GS ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักผจญภัย พร้อมบุกตลาดด้วยราคา 649,000 บาทสำหรับรุ่น Style Passion Sao Paulo Gelb Uni และ Style GS Trophy ราคา 665,000 บาท ที่มีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติม
แต่ก่อนที่พวกคุณจะตัดสินใจซื้อ ลองอ่านรีวิวทดสอบของทางโมโตครอสแม็กกาซีนกันเสียก่อน โดยครั้งนี้ BMW Motorad เปิดให้สื่อมวลชนไทยได้ทดสอบสมรรถนะของ F900GS เป็นครั้งแรก บนเส้นทางธรรมชาติรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเส้นทางจะขับขี่ในทางออนโรดประมาณ 70% และออฟโรดอีก 30% ซึ่งหลังจากได้สัมผัสสมรรถนะแล้วก็เกริ่นก่อนเลยว่า “ประทับใจมากในหลายจุด และทั้งสองสีที่ทางค่ายขายราคาแตกต่างกัน ก็ไม่ใช่แค่ต่างกันแค่สี ยังมีดีเทลที่แตกต่างออกไป แต่จะตรงไหนบ้างตามไปชมกันเลย
ดีไซน์ให้มาลุย
แปลกตา แต่ไม่แปลกใจ ด้านหน้ามีการปรับชุดไฟหน้า ไม่ใช้ไฟเหลี่ยม แต่เป็นชุดไฟหน้า LED โคมเดียว ทรงสามเหลี่ยม หายไปเหลียมนึงก็ช่วยลดน้ำหนักไปได้เยอะ
ยังมีการปรับมิติรถรอบคันให้ซัพพอร์ตกับการขับขี่ออฟโรดได้ดีขึ้น เน้นให้เบาบางควบคุมได้ง่าย ทำให้ได้ท่านั่งใหม่กระชับขึ้นเหมาะสำหรับสายลุยโดยเฉพาะ พักเท้าต่ำลงเป็นแบบหนามจากโรงงานใช้กับบูทเอ็นดูโร่ได้ดีมาก แฮนด์บาร์สูงขึ้นความกว้างกำลังเหมาะในการความคุมทั้งท่านั่งและท่ายืน
ถังน้ำมันเว้าหลบช่วงขาเพื่อท่ายืนขับขี่ที่มั้นใจ ซับเฟรมใหม่บางและเบาขึ้นพร้อมชุดท้ายสั้นที่สามารถถอดได้ให้เหมาะกับการลุยที่ดีขึ้น ปิดท้ายเสริมความหล่อด้วยปลาย ท่อไอเสีย Akrapovič ช่วยลดน้ำหนักลงและได้เสียงที่ดุดันมากยิ่งขึ้น
อีกไฮไลท์สำคัญในโมเดลนี้คือการรีดน้ำหนักตัวครั้งใหญ่ เริ่มด้วยโคมไฟหน้าออกแบบใหม่เบาลงไป 0.6 กก. ถังน้ำมัน “พลาสติก” แทนจากเดิมที่เป็นแบบถังสเตนเลส น้ำหนักหายไปได้ว่า 4.5 กก. ซับเฟรมใหม่ไล่เบาหายไป 2.4 กก. แบตเตอรี่ลิเธียมเบาลงไปอีก 1 กก. สวิงอาร์มใหม่เบาลง 0.25 กก. ขาตั้งข้างอะลูมิเนียมใหม่เบาไป 0.4 กก. และอีก 1.7 กิโลกรัมสุดท้ายที่หายไปจากการใช้ท่อไอเสีย Akrapovič ฟูลซิสเต็มตรงรุ่น รวมแล้วน้ำหนักหายจากเดิมไป 14 กก. เหลือเพียง 219 กก. เท่านั้น
อัปเกรดเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดจาก 853 ซีซี เป็น 895 ซีซี โดยยังเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที ถังน้ำมัน 14.5 ลิตร ควบคุมกำลังผ่านระบบคันเร่งไฟฟ้า Ride by wire ผ่านโหมดการขับขี่ 5 โหมด Road, Rain, Dynamic, Enduro และ Enduro Pro ซึ่งแต่ละโหมดก็จะมีการตอบสนองของคันเร่งหนักเบาต่างกันตามการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตั้งค่ารายละเอียดได้อีก ในส่วนของโหมด Enduro Pro จะสามารถปรับในส่วนของระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างละเอียด สุดท้ายนี้มีระบบควิฟชิฟเตอร์แบบสองทางมาเป็นของแต่งมาตรฐานติดรถจากโรงงานมาเลย
ระบบอิเล็กทรอนิกส์แน่น
จัดเต็มตามสไตล์ค่ายใบพัดสีฟ้าที่มีมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมที่ดีเยี่ยม และสามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียด โดยจะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้ Dynamic Traction Control (DTC), ABS Pro, Cornering ABS, Cruise Control, Dynamic Brake Light และ Tyre pressure control (RDC)
ฟีลลิ่งที่จากเครื่องยนต์
“เครื่องยนต์อัปเกรดมาใหม่ ได้พละกำลังมากขึ้น แรงบิดมาเต็มอย่างเห็นได้ชัด คันเร่งไฟฟ้านวลเนียนและละเอียด ทำงานร่วมกับโหมดการขับขีทำให้มั่นใจในการควบคุมมาก ชัดเจนมาก ๆ ส่วนของความเร็วปลายบอกเลยว่า 190-200+ ทำได้สบาย ๆ”
“สำหรับการใช้ในทางฝุ่นสไลด์รถได้สนุกมากในโหมด Enduro Pro ถือได้ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ขับขี่ได้สนุกครอบคลุมการใช้งานได้หลากหลาย”
ช่วงล่างชั้นยอดจาก SHOWA
สำหรับโมเดลนี้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าโช้คหัวกลับขนาด 43 มม. ระยะยุบ 230 มม. ด้านหลังโช้คเดี่ยวทำงานร่วมกับ สวิงอาร์มอลูมิเนียม ระยะยุบ 215 มม. โช้คอัพทั้งด้านหน้าและด้านหลังสามารถปรับตั้งสปริงพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชันแดมปิ้งได้
สำหรับสเปคต่างประเทศจะมีชุดช่วงล่างโปร ตรงรุ่นจาก SHOWA ขนาดแกนจะใหญ่กว่าเป็น 45 มม. ส่วนด้านหลังจะเป็น ZF พร้อมซับแทงค์พร้อมลุยหนักได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเล่าให้ฟังเผื่อใครสงสัยว่ามีโช้คแต่งไหม ก็ขอบอกตรงนี้ว่ามีแน่นอน”
“เป็นชุดช่วงล่างที่ตอบสนองการใช้งานได้ครอบคลุม และให้การควบคุมที่มั่นคง On-Road เก็บโค้งหนัก ๆ บนถนนได้สบาย หนึบ ๆ ไม่โยน อาการน้อย ความเร็วสูงนิ่งไม่สับไม่ส่าย หลุมบ่อทั่วไปรูดผ่านสบาย ด้าน Off-Road ก็สนุกมันมือเก็บรายละเอียดได้ดีทุกการลุย เดินคันเร่งสไลด์รถไม่ยวบ มือการยุบตัวคืนตัวในค่าสแตนดาร์ดทำได้ดีเยี่ยมและยังสามารถปรับเซ็ตได้ง่าย เน้นการปรับเซ็ตที่ไม่ซับซ้อน แบบแมนนวล ออกแบบให้เหมาะกับการลุยและคำนึงถึงสถานการณ์ฉุกเฉินในป่า เพื่อให้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายที่สุด”
ระบบเบรก Brembo
ด้านหน้าดิสก์เบรกคู่แบบลอยตัวขนาด 305 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ หลังดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 265 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับระบบ ABS 2 Channel พร้อมเพิ่มความละเอียดในการคุมในทางโค้งด้วยระบบ Cornering ABS “ทำให้การตอบสนองการใช้งานทำได้เฉียบคม สามารถหยุดรถหรือลดความเร็วได้ดีเยี่ยม ไล่น้ำหนักเบรกมาละเอียดดีเยี่ยม”
วงล้อลูมิเนียมซี่ลวดแบบไม่ใช่ยางในด้านหน้าขนาด 21 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว แข็งแรงคงทนยืดหยุ่นตามสไตร์รถสายลุย มัดมาพร้อมกับยาง Bridgestone Battlax Adventure A41F ด้านหน้าขนาด 90/90V21 M/C (54V) TL หลัง 120/70ZR17 M/C (58W) TL
“ถือเป็นยางที่ออกไปเน้นการใช้งานบนถนนมากกว่าแต่เอาไปลองลุยมาแล้วก็สนุกเอาอยู่”
ออฟชั่นเสริมตรงรุ่นสายลุย
ติดตั้งออฟชั่นเสริมความแกร่งหลายจุดเพื่อการควบคุมที่ดีขึ้นเป็นมาตราฐาน พักเท้าหนามจากโรงงาน คันเกียร์ปรับได้ 2 ระดับ ก้านเบรกหลังปรับได้ 2 ระดับ เพื่อให้เข้ากับการใช้งานรองเท้าบูทมากยิ่งขึ้น
ชุดโซ่ “M Endurance” เคลมว่าแข็งแรงไม่มีขาดและระยะเซอร์วิสยาวนานขึ้น ลุยได้หนักขึ้น
การ์ดแฮนด์ การ์ดแคร้ง ติดตั้งมาให้จากโรงงาน เป็นชุดที่แตกต่างกันสำหรับทั้งสองสี ในรุ่น Style Passion Sao Paulo Gelb Uni จะได้เป็นชุดการ์ดพลาสสติก ABS ธรรมดา ทั้งสองชิ้น ส่วนทางด้าน Style GS Trophy จะเสริ่มแกร่งให้มากขึ้น การ์ดแฮนด์เป็นโครงเหล็ก ส่วนอกกันแคร้งจะเป็น อลูมิเนียม
ชิลด์หน้าสั้นลงและ ไม่สามารถปรับระดับ ได้เน้นวิสัยทัศที่ชัดเจนในการขับขี่ในป่า แต่สามารถซื้อเปลี่ยนได้มีหลายสี โดย F 900 GS Style GS Trophy จะมีชิลด์หน้าสั้นเป็นสีสโมค ติดมาให้เลยเพิ่มเติม
ชุดเรือนไมล์สี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว จอเดียวกันกับ BMW R1300 GS ทำงานร่วมกับปุ่มควบคุมแบบพิเศษของ BMW ที่ประกับด้านซ้ายมือ ทำให้การกดตั้งค่าต่าง ๆ ขณะขับขี่ก็ทำได้ง่าย มาพร้อมกับปุ่ม เปิด/ปิด Traction Control (DTC) ปิดได้ง่ายมากเพียงแค่กดปุ่มค้างไว้ และสามารถควบคุมระบบครูซคอนโทรล ผ่านปุ่มควบคุมที่ประกับด้านซ้ายแบบเดียวกันกับ R1300 GS ทั้งยังมีฮีทกริ๊ปติดมาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน
สรุป รีวิว BMW F900GS
“คิดว่านี่คืออีกหนึ่งทางเลือกที่นักผจญภัยอย่างเราไม่ควรมองข้าม เทียบราคาค่าตัวกับออฟชั่นต่าง ๆ ที่ได้ สมรรถนะไม่ต้องพูดถึง ผมประทับใจมากแรงบิดดีมาก แต่ควบคุม ง่ายคันเร่งไฟฟ้าฉลาด และละเอียด ใช้งานโหมดการขับขี่ง่าย ไม่งง มิติตัวรถควบคุมได้ง่ายดีจนติดใจ อยากเปลี่ยนยางหนามลงไปลุยหนัก ๆ เลย”
“โดยรวมแล้วเหมาะกับคนอย่างเรา คนที่อยากไปสนุกกับเส้นทางพร้อมกับกลุ่ม ใครที่อยากได้รถที่เดินทางได้ แต่ก็พร้อมลุยได้ในทุกที่ เบาจริง แรงจริง แต่ควบคุมง่ายจริง ต้องคันนี้เลย BMW F900GS”