รีวิว BMW R1300GS 2024 เบา คล่องตัว แรงกว่าเดิม..!!
อีกบททดสอบของ Adventure Bike ที่ทุกคนรอคอย รีวิว BMW R1300GS 2024 โจทย์ในครั้งนี้คือ “ดีกว่าเดิม” จริงไหม?? หากเทียบรุ่นก่อนหน้าอย่าง BMW R1250GS ….เอาล่ะ! นี่คือเรื่องราวการทดสอบ “สายลุยตัวจบ” ที่จัดว่า “ล้ำสุด” ในเวลานี้ !!!
New Engine
เครื่องยนต์บล็อกใหม่ขนาดเล็กลง น้ำหนักหายไป 6.5 กก. แต่ยังคงเอกลักษณ์ Boxer 2 สูบ 4 จังหวะ DOHC ที่เพิ่มปริมาตรกระบอกสูบขึ้นเป็น1,300 ซีซี. พร้อมระบบควบคุมเพลาลูกเบี้ยวไอดีแบบแปรผัน BMW Shift Cam ขณะที่ระบบเฟืองท้ายเป็นแบบ 2 ระดับ เสริมด้วยระบบระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำ
ด้านพละกำลังสูงสุด เวอร์ชันนี้ได้แรงม้าเพิ่มขึ้นถึง 145 ตัว ที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที (ตำแหน่งกระปุกเกียร์ใหม่ถูกย้ายให้ต่ำลงกว่าเดิม ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์ที่ต่ำลงไปด้วย) …ทั้งแรงม้าและแรงบิดมาเต็มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่รอบต่ำ ตอบสนองการเรียกขุมพลังผ่านคันเร่งไฟฟ้า Ride By Wire ที่มีความละเอียดสูงมาก โหมดการขับขี่ 7 โหมดให้เลือกใช้ ได้แก่ Road / Rain / Eco / Dynamic / Dynamic Pro/ Enduro / Enduro Pro โดยแต่ละโหมดมีรายละเอียดการตอบสนองของคันเร่งและระบบอิเล็กทรอนิกส์ แตกต่างกันตามความเหมาะสมในการใช้งาน
ระบบอิเล็กทรอนิกส์สนับสนุนการขับขี่
(DSA) Dynamic Suspension Adjustment ระบบควบคุมช่วงล่าง
(DTC) Dynamic Traction Control ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน
(DBC) Dynamic Brake Assist ระบบช่วยเบรก
(MSR) Engine Drag Torque Control การควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์
(HSC) Hill Start Control ระบบควบคุมการออกตัวบนทางลาดชัน
(TPM) Tire Pressure Monitor การตรวจสอบแรงดันลมยาง
Riding Assistant
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อม ที่เป็นตัวช่วยในการเดินทางที่สะดวกสบายและปลอดภัย ถูกติดตั้งอยู่บริเวณหน้ารถด้านบนของชุดไฟ (FCW) Front Collision Warning ระบบเซ็นเซอร์วัดระยะ เตือนการชนด้านหน้าแบบเรดาร์ ทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุด้านหน้ารถ เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ระบบจะเข้ามาช่วยชะลอความเร็วโดยสั่งการไปที่ระบบเบรกเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่รู้ตัวเมื่ออยู่ในระยะที่ตั้งค่าไว้ สามารถปรับระยะได้ถึง 3 ระดับ สามารถทำงานร่วมกับระบบ (ACC) Active Cruise Control (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ) โดยจะทำการรักษาความเร็วและลดความเร็วเมื่อเจอกับรถที่ขับช้ากว่าความเร็วที่ล็อกไว้ เร่งความเร็วอีกครั้งเมื่อรถด้านหน้าเปลี่ยนเลนออกไป สามารถตรวจจับวัตถุได้อย่างละเอียด ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ตามมาด้านหลัง (SWW) Rear Radar Sensor ระบบเซ็นเซอร์วัดระยะการแซงจากด้านข้างตัวรถ แบบเรดาร์เซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับรถที่กำลังแซงจากด้านข้างของตัวรถ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่กระจกมองข้าง ระบบเดียวกันกับที่ใช้ในรถยนต์
เฟรมออกแบบใหม่ ตัวเฟรมหลักเป็นเหล็กแข็งแรงคงทน ส่วนซับเฟรมเป็นแบบ Die – Cast อะลูมิเนียม น้ำหนักเบาและแข็งแรง ซึ่งสามารถช่วยลดน้ำหนักลงไปได้เยอะ น้ำหนักตัวเหลือเพียง 237 กก. เบากว่า R1250 GS ถึง 12 กก.
New Suspension
สวิงอาร์มและระบบกันสะเทือนได้รับพัฒนาใหม่ทั้งระบบเช่นกัน หลักๆคือ การขยายความสมบูรณ์แบบของโช้คหน้าในเวอร์ชันนี้ใช้คำว่า EVO Telelever (คู่โช้คหน้าหลักทำงานร่วมโช้คเสริมตัวที่ 3 พร้อมแขนกระเดื่อง) ขณะที่โช้คหลังเป็นแบบ EVO Paralever โดยช่วงล่างของ R1300GS คอนโทรลด้วยระบบไฟฟ้า Dynamic Suspension Adjustment (DSA) รับประกันความสมูท ให้การทำงานซับแรงสะเทือนแบบ Real Time ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมบังคับเลี้ยวที่เสถียรทุกสภาพเส้นทาง
ระบบเบรกจาก BMW เบรกหน้า ดิสก์คู่ ขนาด 310 มม.มาพร้อมกับคาลิเปอร์สี่ลูกสูบแบบเรเดียลเมาท์ เบรกหลังแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 285 มม.จับคู่กับคาลิเปอร์สองลูกสูบ ระบบเบรกชุดนี้เวิร์คด้วยเทคโนโลยีล่าสุด Integral ABS Pro ที่ทำงานร่วมกันทั้งเบรกหน้าและหลังแบบอัตโนมัติ เมื่อใช้งานเบรกหน้าระบบจะแชร์การทำงานไปที่ล้อหลังด้วย ถ้าใช้เบรกหลังระบบเบรกก็จะแชร์ไปที่เบรกหน้าด้วยเช่นกัน จากการทดสอบโหดๆบนทางดินแล้วกดเบรกเต็มทั้งหน้าและหลังสำหรับผู้ทดสอบบอกเลยว่า นี่คือที่สุดของเทคโนโลยีเบรกอย่างแน่นอน เอาอยู่แบบนุ่มนวลที่สุด
วงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด Cross-spoke wheels หน้าขนาด 19 นิ้ว และล้อหลัง 17 นิ้ว ยังคงเป็นชุดล้อซี่แบบเดิมที่โดดเด่นในเรื่องการใช้งานหลากหลายและคงทน มีความยืดหยุ่นสูง ส่วนยางติดรถที่ใช้ในการทดสอบจาก metzeler ขนาดยางหน้า 120/70 R 19 หลัง 170/60 R 17 ซึ่งอาจเหมาะกับการขับขี่บนถนนมากกว่าออฟโรด ถ้าเน้นลุยเป็นหลักแนะนำเปลี่ยนยางหนามครับ….
ฟีเจอร์เด่นๆมีให้ใช้งานเพียบ เรือนไมล์ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ครบครัน ชิลด์หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้า ช่องชาร์จไฟแบบ USB และช่องเสียบไฟ 12 โวลต์ก็มีให้ใช้งานเป็นมาตรฐาน ระบบกุญแจเป็นแบบ Keyless ระบบทำความร้อน Heated Grips พิเศษสุดกับขาตั้งคู่ระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยเหลือทำให้การยกรถสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ไฟหน้าแบบ LED Matrix โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยรูปทรงตัว X มาพร้อมกับเทคโนโลยี Headlight Pro ที่สามารถปรับลำแสงในระหว่างการเลี้ยวเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย
เบาะนั่ง Adaptive Ride Height สามารถปรับความสูงเบาะอัตโนมัติ โดยปรับสูงสุดที่ 850 มม.ต่ำสุดที่ 820 มม. หลักการทำงานคือ ค่าเริ่มต้นขณะรถจอดอยู่ เบาะจะมีความสูงที่ 820 มม. เมื่อออกตัวออกไปที่ความเร็วเกิน 50 กม./ชม. ระบบจะทำงานด้วยการปรับความสูงเบาะขึ้นมาที่ 850 มม. โดยอัตโนมัติ เมื่อความเร็วต่ำกว่า 50 กม./ชม. ก็จะลดความสูงลงมาอัตโนมัติ ช่วยให้คนที่รูปร่างเล็กใช้งานได้สะดวกขึ้น สำหรับผู้ที่มั่นใจในความสูงตรงนี้ก็สามารถเลือกล็อกระบบนี้ไว้ได้ด้วยเช่นกัน
Riding Position
ด้วยการพัฒนาที่คำนึงถึงความกะทัดรัดมากขึ้นเพรียวบางลง ทำให้ถังน้ำมันมีขนาดเล็กลง จึงทำให้ท่านั่งทำได้กระชับขึ้นจากเดิม ตำแหน่งแฮนด์ถอยมาด้านหลัง เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่จะช่วยลดความเมื่อยล้าได้ ส่วนถ้ายืนขี่ยังคงรักษาสมดุลในการวางตำแหน่งกิ๊ฟของตัวรถได้เหมาะ ควบคุมได้กระชับ ตำแหน่งเข่าพอดีกับถังน้ำมัน เสริมด้วยตัวเบาะที่มีการเพิ่มเติมเข้าไปบริเวณถังน้ำมันทำให้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ชอบลุยทางดินอาจจะต้องปรับเซ็ตแฮนด์เล็กน้อยครับ
สุดท้ายแล้ว การ รีวิว BMW R1300GS 2024 ครั้งนี้ทำให้เป็น “ตัวเลือก” ที่ยอดเยี่ยมในลำดับแรกของมอเตอร์ไซค์สไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่ง …พื้นฐานรถผ่านการใส่ใจพัฒนาทุกๆรายละเอียดเพื่อผู้ขับขี่อย่างแท้จริง เหมาะโคตรๆกับการใช้งานเดินทางไกล On Road ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหากปรับแต่งเล็กน้อยก็จะสามารถสนุกกับการ “ลุย” ได้เช่นกัน
พูดง่ายๆว่า THE NEW BMW R1300GS คันนี้ สมการรอคอยของสาวกตระกูล GS ทุกประการ!!
ตัวเลือก THE NEW BMW R1300GS 3 เวอร์ชัน
Triple Black ราคา 1,125,000 บาท
GS Trophy ราคา 1,125,000 บาท
Option 719 ราคา 1,205,000 บาท