รีวิว Royal Alloy GT 150 2025 คันนี้สิ ฟูลออปชั่น
รอยัลอัลลอย แบรนด์สัญชาติอังกฤษที่มีภาพลักษณ์ “คลาสสิกสกู๊ตเตอร์” อย่างชัดเจน พวกเขามีการส่งรถรุ่นใหม่ลงวางจำหน่ายในประเทศไทยต่อเนื่องทุกปี ล่าสุด RA ก้าวไปอีกขั้นกับการพัฒนาครั้งใหญ่ด้วยโปรดักต์ใหม่ ตอบโจทย์ตรงใจผู้ใช้ชาวไทย โดยใช้รหัสซีรีส์ (GT) Gran Turismo 2025 ในสไตล์ “โมเดิร์นคลาสสิก” ดูดีพรีเมียม แถมจัดหนักเพิ่มความคุ้มค่าแบบ Full Option จนคู่แข่งคลาสเดียวกันอาจจะต้องอึ้ง! และครั้งนี้เรามีโอกาส รีวิว Royal Alloy GT 150 2025 ลุยสุดแบบเต็มทริป พร้อมสรุปสาระสำคัญ มาฝากแฟน ๆ ได้ดังนี้…
ดีไซน์-มิติ
หน้าตาของ GT150 2025 เป็นผลงานของทีม R&D ที่ตั้งใจสร้างให้รถมีความมินิมอล ดูเรียบง่ายแต่สวยงามหรูหรา โครงรถออกแบบซ่อนกลเม็ดด้วยสิ่งที่เรียกว่า Golden Ratio ซึ่งหมายถึงระยะฐานล้อขนาด 1,380 มม.ระยะที่รถให้การคอนโทรลที่สมูทสุดในขนาดบอดี้แบบนี้
ท่านั่งมีความคอมฟอร์ทด้วยพื้นที่การวางเท้าคนขี่ที่ออกแบบให้กว้าง ขยับเท้าได้เยอะ แม้จะขี่ออกทริปทางไกลก็ไม่เมื่อย ขณะที่ช่วงแฮนด์กว้าง 695 มม. กับความสูงเบาะนั่งเพียง 750 มม.ทำให้คนร่างเล็กหรือสาว ๆ ก็ขี่ได้สบาย น้ำหนักรถรวมของเหลวอยู่ที่ 135 กก. ยิ่งทำให้ GT150 คันนี้ คล่องตัว เหมาะสำหรับทุกคนก็ว่าได้จากการทดสอบในทริปนี้ ยืนยันได้ว่านี่คือสกู๊ตเตอร์ที่ช่วงดี-ขี่ง่าย ทรงตัวได้ดีทั้งการขับขี่เดินทางทั่วไป รวมถึงการเลี้ยวโค้งครับ
ขุมพลัง
เครื่องยนต์ถือว่าเป็นความพอดีที่ให้มาสมตัว ซึ่งโมเดลนี้ใช้เครื่องยนต์ สูบเดี่ยว 4 วาล์ว ลูกสูบ 59 ช่วงชัก 54 มม. ปริมาตร 148 cc กำลังสูงสุด 15.42 แรงม้าที่ 8500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 นิวตันเมตร ระบายความร้อนด้วยน้ำ
คาแรคเตอร์ย่านกำลังเด่นที่รอบต้น-กลาง มาไวติดมือ ส่วนรอบปลายต้องรอจังหวะ “ไหล” อยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งความเร็วช่วงเดินทางในทริปนี้ มีโอกาสใช้ความเร็วช่วง 110-120 อยู่เป็นระยะ ที่สำคัญการขี่ทางไกลแช่คันเร่งต่อเนื่องรวดเดียวเกือบ 200 กม. อาการของเครื่องยนต์ยังสบาย ๆ ไม่พบปัญหาใด ๆ ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงวัดจากตอนจบทริป ได้อยู่ในระยะ 40-45 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดไม่น้อยเลย
ออปชั่นแน่น
ในจุดนี้คือสิ่งที่เรียกว่า “โคตรคุ้ม” เริ่มจากการมีระบบ Idling Stop ที่ทำงานเสถียร ตามด้วยระบบ TCS แทรคชั่นคอนโทรลซึ่งตัวผู้ทดสอบมองว่าเป็นสิ่งที่ “ต้องมี”ในรถขนาด 150 ซีซี แบบนี้ นอกจากนั้นขาตั้งข้างก็มีไซด์สแตนด์สวิตช์ตัดกำลังเครื่องยนต์และมีขาตั้งคู่มาให้ใช้ด้วย ที่ชอบมากเพราะใช้งานเวิร์คกับระบบความปลอดภัย คือดิสก์เบรกหน้า-หลังที่มี ABS 2 ชาแนล ทริปนี้ทดลองเบรกแรง ๆ แบบกำสุด ระบบก็ยังตัดอาการล้อล็อคได้อย่างแม่นยำ
ช่วงล่าง ยาง
ความคาดหวังต่อเรื่อง “ช่วงล่าง” กับสไตล์รถโมเดิร์นคลาสสิก เราตั้งใจทดสอบว่า RA จะรอดหรือไม่รอด ปรากฏว่าตลอดการเดินทางในทริป ซึ่งมีช่วงไฮเวย์และสภาพถนนผุพังที่ต้องวิ่งผ่านมากมาย พบว่าช่วงล่างของรถคันนี้สอบผ่านอย่างฉลุย กล่าวคือในการขับขี่ปกติมีความนุ่มนวล การเก็บอาการบั๊มพ์ก็จัดการได้ดีเช่นกัน ตรงนี้น่าจะเป็นเพราะมีการเซ็ทติ้งโช้คหน้าคู่เทเลสโคปิคและโช้คหลังคู่มาให้รองรับการ ใช้งานที่หลากหลาย ขณะที่วงล้อขอบ 12 รัดยาง 120/70-12 หน้า-หลัง ให้ฟีลลิ่งที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ทั่วไป
ฟังก์ชันครบจริง
ในด้านฟังก์ชันเพิ่มความสะดวกสบายการใช้งาน ก็เป็นอีกประเด็นที่ทางค่ายจัดหนักมาให้แบบไม่ยั้ง เริ่มจากระบบไฟส่องสว่าง LED ทั้งคัน ออกแบบไว้แบบมินิมอลแต่ใช้งานจริงสว่างชัดเจน จุดโฟกัสก็ต่ำเดิม ๆ สว่างเพียงพอ
ข้อสำคัญคือ สมาร์ทคีย์ กุญแจรีโมทซึ่งออกแบบให้ใช้ง่าย แถมยังเลือกให้ทำงานเป็นกันขโมยในตัว
ทีเด็ดอยู่ที่จอ TFT สีสันสวยงามแถมยังรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ ใช้งานร่วมกับแอพฯ EYLINK ซึ่งจะเป็นเหมือนระบบแอปเปิลคาร์เพลย์ พร้อม GPS ทดลองใช้งานแล้วเราพบว่ามิเรอร์หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นไปที่จอของตัวรถได้เลย สามารถดู YouTube หรือ กดใช้งาน Google Map ได้ เราทดลองล็อคหน้าจอเก็บในกระเป๋าแล้วก็พบว่ายังสามารถดูแมพได้ตามปกติ อันนี้เจ๋งจริง!
จอของ GT150 มีฟังก์ชั่นอีกหนึ่งข้อที่ดีมาก นั่นคือการโชว์ตัวเลขแรงดันลมยาง ที่มีเซนเซอร์ส่งสัญญาณแจ้งเตือนระดับลมยางแบบเรียลไทม์
ตัวปะกับแฮนด์มาแนวโมเดิร์น ดีไซน์เหมือนปุ่มบนรีโมทที่เราคุ้นเคย แถมด้วยไฟแบ็คไลต์ที่ใช้งานกลางคืนสะดวก ทดลองใช้งานปุ่มสั่งการต่าง ๆ ก็แอคทีฟดีไม่มีติดขัด
ความสะดวกยังมีเรื่องฝาถังน้ำมันที่อยู่ด้านหน้าแถวคอนโซลฝั่งซ้าย เปิดฝาปิดจากเบ้ากุญแจสมาร์ทคีย์แล้วบิดฝาเปิดอีกที ซึ่งมีความจุเยอะถึง 9 ลิตร ยังมีช่อง USB รองรับการชาร์จแก็ดเจ็ดต่าง ๆ ได้สะดวกอีกด้วย
ราคาดีมาก
ราคาจำหน่าย Royal Alloy Gran Turismo 150 รุ่น Elegance เริ่มต้นที่ 89,900 บาท โดยท่านใดที่สนใจสามารถสอบถามโปรโมชั่นพร้อม ราคารุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ เพจ Royal Alloy Thailand
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่




















