รีวิว Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS 2025 กับ 7 ประเด็นต้องรู้
เวสป้าครองหัวใจวัยรุ่นโมเดิร์นคลาสสิกมายาวนานด้วยโมเดลฮิตอย่าง Vespa Sprint ล่าสุดมีการอัพเดทครั้งใหญ่ของรถรุ่นนี้ภายใต้รหัส Sprint Tech 150 i-Get ABS ปี 2025 ในแบบ “เทคโนโลยีมีให้อัพ ยกระดับความหล่อ” ที่ได้รับการเสริมดีไซน์ให้โดดเด่นขึ้น พร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่ “ตอบโจทย์” ยูเซอร์ยุคใหม่ไว้อย่างครบด้าน ครั้งนี้เราจึง รีวิว Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS ปี 2025 และสรุปเป็น 7 ประเด็น เจาะรายละเอียดให้เข้าใจกันง่าย ๆ ดังนี้
1.ดีไซน์
ประเด็นแรกเรื่องของดีไซน์การออกแบบต้องบอกว่าสะดุดตาพอสมควรกับภาพลักษณ์ใหม่ที่ถือว่าเป็นตัวชี้ชัดของรุ่น Sprint Tech 2025 ให้ดูแตกต่างและสปอร์ตขึ้นด้วยการตกแต่งโทนสี “เขียวนีออน” ในจุดต่าง ๆ รอบคัน ได้แก่ ขอบบอดี้ด้านหน้า ตัวถัง บังแตร บังโคลนหน้า และขอบล้อ รวมถึงสปริงของโช้คอัพ ตัดกับ “สีดำด้าน” แบบหรูหราของโทนดำ Black Convinto เสริมให้รถดูมีมิติให้ความเป็นสปริ๊นท์เทคได้ลงตัวมาก
จากมุมมองคนขี่ ตรงด้านขวาคอนโซล มีโลโก้ IT(TECH) 150 เป็นสัญลักษณ์ของรุ่น พร้อมความเก๋ไก๋ของแอมเบียนต์ไลต์ (Ambient light) ที่เป็นหลอดไฟ LED สีเขียวฝังไว้ที่มุมด้านล่างทั้งสองฝั่งของคอนโซลซ้าย-ขวา ซึ่งจะส่องแสงลงมาที่ตำแหน่งวางเท้าและพื้นข้าง ๆ ตัวรถ เมื่อเรากดรีโมทสำหรับ “ค้นหา” หรือหมุนปุ่มสมาร์ทคีย์มาที่ On โดยไฟแอมเบียนต์ไลต์จะส่องสว่างอยู่นาน 30 วินาทีแล้วดับลงอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้หารถได้ง่ายขึ้น และดูหรูหราไม่เหมือนใคร
อีกจุดที่ชอบคือการออกแบบรถได้สอดคล้องเป็นธีมเดียวกัน ไล่มาตั้งโคมไฟทรงเท่ 6 เหลี่ยม ใช้ระบบส่องสว่าง LED คมชัดและไม่เชิด รูปทรงสไตล์เดียวกับหน้าปัดและกระจกมองข้างดูลงตัว
2.ขุมพลัง
สำหรับประเด็นในเรื่องของขุมพลังจะเป็นเครื่องยนต์ i-Get สูบเดี่ยว 4 จังหวะ 3 วาล์ว 155 ซีซี. หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ระบายความร้อนด้วยพัดลม ซึ่งขี่ได้สนุก ตอบสนองดี รอบต้นติดมือ รอบกลางน่าพอใจ ส่วนความเร็วปลายอาจจะยังไม่ใช่จุดแข็งมากนัก อย่างไรก็ตามคาแรคเตอร์แบบนี้เป็นเพราะตระกูล “สปริ๊นท์” เน้นการใช้งานในสไตล์ซิตี้สกู๊ตเตอร์นั่นเอง
สำหรับความเร็วปลายที่ทำได้ในการรีวิวครั้งนี้ หน้าจอเรคคอร์ดเอาไว้ให้ประมาณ 115 กม./ชม. ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขกำลังสูงสุด 12 แรงม้า @ 7,500 รอบ/นาที ความเร็วที่ได้ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อแล้วครับ
ขณะที่เรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ครั้งนี้เราตั้งใจลองใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นหน้าจอใหม่แบบ TFT ของ Sprint Tech ที่มีให้เซ็ทดูอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยและเรียลไทม์ พบว่าได้ประมาณ 40-45 กม./ลิตร ตามสภาวะคันเร่ง (ปริมาตรถังน้ำมันเชื้อเพลิง 8 ลิตร บวก-ลบ 0.5 ลิตร) ถือว่าประหยัดตามปกติของสกู๊ตเตอร์ในคลาส 155 ซีซี. และตัวเลขนี้อยากลืมว่ามันจะผกผันตามพฤติกรรมและน้ำหนักของผู้ขี่ด้วยนะครับ
3.ช่วงล่าง
ประเด็นต่อมาถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ สำหรับการค้นหาฟีลลิ่งของรถทุกรุ่น คือจับอาการช่วงล่าง ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่าน่าสนใจ เพราะตัวตนแท้ ๆ แบบ Vespa ไซส์เล็ก มักจะใช้ “โช้คเดี่ยวหน้า-หลัง” ตามสเปค โช้คหน้าไฮดรอลิกแบบแขนเดี่ยวทํางานสองทิศทางกับโช้คอัพหลังเดี่ยว โดยในส่วนของโช้คหลังสามารถปรับสปริงพรีโหลดได้ 4 ระดับ
จากที่ลองด้วยฟีลลิ่งช่วงเดิม ๆ ในแบบ “แฟคตอรี่ เซ็ทติ้ง” พบว่าออกแนวแข็งเล็กน้อยในสไตล์สปอร์ต แต่ไม่ถึงกับกระด้างเพราะยังมีความนุ่มให้สัมผัส โดยเฉพาะเวลาผ่านรอยต่อของถนนคอนกรีต พบว่าอาการเหวี่ยงของรถน้อยกว่าที่คาดไว้มาก ส่วน อาการหน้าไวมีเป็นปกติของล้อ 12 นิ้ว ใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็คุ้นชินและคอนโทรลได้มั่นใจครับ
ทางด้านวงล้อเป็นแม็กลายใหม่ ออกแบบได้สวยงามมาก รัดด้วยยาง Maxxis หน้า Tubeless 110/70-12″ M/C 47P, หลัง Tubeless 120/70-12″ M/C 58P กับฟีลลิ่งที่เอาอยู่สบาย ๆ ในลักษณะการใช้ทั่ว ๆ ไปแบบซิตี้ยูซ ในจุดนี้ถ้ามีโอกาสทดสอบหน้าฝน ค่อยเอามาเล่าซ้ำอีกครั้งครับ
4.ระบบเบรก
ระบบเบรกคือหนึ่งในออปชั่นที่ Sprint Tech 2025 “จัดเต็ม” สมกับคาแรคเตอร์ที่ซ่อนความสปอร์ตเอาไว้ในตัว เราจึงเห็นจานดิสก์หน้า 200 มม. มาพร้อมจานดิสก์หลัง 220 มม. แล้วเติมระบบ ABS แบบ 2 ชาแนลมาให้
แน่นอนว่าจากการทดสอบพบว่าขี่รถรุ่นนี้ได้มั่นใจขึ้นมาก ๆ เพราะจับอาการเบรกแล้วสัมผัสได้เลยว่าไล่น้ำหนักเบรกมาดีมากครับ ระบบ ABS ก็ตอบสนองกำลังเหมาะ ไม่ลึกจนเกินไป
5.มิติ การควบคุม
เวสป้ายังรักษาสไตล์การขับขี่เอาไว้อย่างน่าสนใจ เพราะทุกรุ่นที่เคยทดสอบ เราจะพบว่าไม่มีคันไหน “นั่งเตี้ย” เลย ดังนั้นความสูงเบาะ 790 มม. ที่จัดว่าสูงสำหรับคนร่างเล็ก แต่ยังนั่งสบายด้วยเบาะหนังคุณภาพดี เดินแนวด้ายเย็บสีเขียว ทำทรงเบาะให้เรียวและซ่อนความสโลปเอาไว้ ตำแหน่งเบาะคนซ้อนกว้างนั่งสบาย ตำแหน่งคนขี่หัวเบาะค่อนข้างแคบเลยไม่มีปัญหากับการคอนโทรลรถ
ตำแหน่งการวางเท้าบนฟลอร์บอร์ดเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้ทดสอบชื่นชอบครับ เพราะมีสเปซพอสมควร ด้านหน้าสุดแอบมีสโลปให้สามารถขยับเท้าไปสุดเพิ่มความกระชับ ลดความเมื่อยเวลาขี่นาน ๆ ได้ ท่านั่งของสปริ๊นท์เทค กับการยื่นมือควบคุมผ่านแฮนด์ 735 มม. บอกเลยว่ามีความคล่องตัวสูง อีกทั้งน้ำหนักรถก็เบา ๆ เพียง 130 กก.เท่านั้น สรุปสั้น ๆ ว่า ช่วงดี-ขี่ง่าย!
6.ฟังก์ชั่นใหม่
อย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือจอสี TFT 5 นิ้ว ออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อแอพฯ Vespa Mia โดยจะสามารถเข้าไปใช้ระบบแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน ระบบนำทาง และดูรายละเอียดการเดินทางได้ แต่การจะใช้ฟังก์ชั่นนี้ต้องซื้อเป็นออปชั่นเพิ่มนั่นเอง
ขณะเดียวกันในหน้าจอใหม่ ให้รายละเอียดการเซ็ทอัพและการแสดงผล รองรับความสะดวกของผู้ใช้งานได้ดีเยี่ยม มีให้ใช้ครบถ้วนมากๆ เช่น เซ็ททริปได้ กดดูตัวเลขความเร็วท็อปสปีดแบบเรคคอร์ดเอาไว้ได้ แรงดันแบตเตอรี่ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยรวมและเรียลไทม์ ระยะทาง (Range) จากปริมาณน้ำมันในถัง แถบระดับเชื้อเพลิง นาฬิกา ฯลฯ โดยการปรับค่าหน้าจอต้องใช้ปุ่มที่แฮนด์ฝั่งขวาตามสไตล์เวสป้า
นอกจากนั้นยังมีกุญแจคีย์เลสที่นอกจากเปิดระบบ+ล็อครถได้สะดวก ก็ยังสามารถกดรีโมทสำหรับค้นหารถ ซึ่งจะมีแอมเบี้ยนไลต์โชว์ออกมาให้เรามองหารถเจอได้ง่าย ๆ
ช่องเก็บของด้านหน้าและ UBOX ใต้เบาะก็เป็นฟังก์ชั่นที่ติดตัวมาอยู่แล้วกับรุ่นนี้ ในส่วนของ UBOX ให้ความจุมาไม่น้อย สามารถใส่หมวกกันน็อคได้ 1 ใบแล้วยังเหลือพื้นที่สำหรับถุงมือหรือสัมภาระเล็ก ๆ ได้อีกพอสมควร
7.บทสรุป
การได้มีโอกาสลองขี่ Vespa Sprint ในรหัสล่าสุด 2025 ที่เติมคำว่า Tech เข้ามา ยังคงเป็นการตอกย้ำถึงคาแรคเตอร์อันโดดเด่นเฉพาะตัวของสกู๊ตเตอร์โมเดิร์นคลาสสิกจากเวสป้า ตัวรถเบา ขี่สนุก คล่องตัว ดีไซน์สวยงามดูหรูหราและแตกต่าง จึงไม่แปลกที่รถรุ่นนี้จะยังคงได้รับความนิยมมายาวนาน
สำหรับตัวเลือก Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS รุ่นปี 2025 มี 2 เฉดสี ได้แก่
สีเทา Grey Entusiasta ราคาจำหน่าย 154,900 บาท
สีดำ Black Convinto (Matt) ราคาจำหน่าย 155,900 บาท
สนใจสามารถสอบถามข้อมูลโปรโมชั่นได้ที่ร้านผู้จำหน่ายเวสป้าทั่วประเทศครับ
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่