ล่าสุดนิตยสารโมโตครอสไปร่วมกิจกรรมที่ Zontes จัดทริปให้สื่อฯลองขี่ รีวิว Zontes 350E และ 350D กรุงเทพฯ-หัวหิน เพื่อพิสูจน์สมรรถนะอย่างครบด้าน และนี่รีวิวคือทุกฟีลลิ่งของซอนเทสทั้งสองรุ่นนี้
First Impression
ความประทับใจแรก อยู่ที่ดีไซน์รูปลักษณ์พรีเมี่ยมดูทันสมัยรุ่น 350E ให้มุมมอง Luxury Style หรูหราเต็มไซซ์บิ๊กสกู๊ตเตอร์ไฟหน้า LED โคมโปรเจคเตอร์ 6 ดวง พร้อมไฟ DRL รวมถึงคิ้วไฟแบบเปลี่ยนสีได้ ขณะที่รุ่น 350D ขนาดเล็กกว่าด้วย City Style ทรงและเส้นสายงานดีไซน์กระชับตอบโจทย์ Urban สายเมือง
พร้อมโคมไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ 4 ดวง ความสว่างของไฟหน้า ทดสอบแล้วพบว่าสว่างชัดกระจายครอบคลุมถนนเต็มเลน และมีระดับไฟต่ำที่พอดี ไม่รบกวนรถสวนทาง
Engine
เครื่องยนต์ สูบเดี่ยว แคมฯเดี่ยว 349 ซีซี. หม้อน้ำ กำลังสูงสุดมากถึง 36 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 38 นิวตันเมตร ความเร็วปลายรุ่น 350E ทะลุ 161 กม./ชม.ไม่ยากส่วนรุ่น 350D หากหมอบเรียกความเร็วหน้าไมล์ สามารถไปถึง 170 กม./ชม.
ได้การตอบสนองคันเร่ง รอบต้นมาไวจัดจ้าน ไม่มีการสั่นหรือสะท้านมีระบบ Traction Control ที่ให้การทำงานตอบสนองฉับไวอัตราสิ้นเปลืองจากการขี่ทริป ได้ประมาณ 30 กม./ลิตร(วิ่งความเร็วสูงเกาะขบวนตลอดทาง)
Dimensions
มิติแบบ “บิ๊กสกู๊ตเตอร์”
350E หนัก 198 กก. แฮนด์กว้าง 795 มม. เบาะสูง 770 มม.
350D หนัก 190 กก. แฮนด์กว้าง 780 มม. เบาะสูง 760 มม.
350D บอดี้เล็ก เรียว แคบ ตำแหน่งท่านั่ง-แฮนด์ต่ำกว่า ออกแบบตำแหน่งวางเท้าสเตป 2 ให้มีความ “ชัน” มากกว่าเน้นการควบคุมเน้นคล่องตัวแบบสายเมือง 350E บอดี้กว้าง ใหญ่ สูงกว่าออกแบบตำแหน่งวางเท้าสเตป 2 ให้มีความ “ลาด” เอียงกว่ารองรับการเดินทางระยะยาว
และซับพอร์ทคนร่างสูงขี่เข้าจอดไฟแดงหรือซอกแซก ผู้ขับขี่ร่างเล็กสามารถพารถทั้งสองรุ่นลงเท้าได้สองข้างแต่มีอาการบัลเลต์เล็กน้อย
หากสไลด์ตัวมาที่หัวเบาะ จะวางเท้า 1 ฝั่งได้เต็มและบาลานซ์ดีมากไม่เสียหลักง่ายๆความพิเศษในตำแหน่งควบคุมของ 350E คือสามารถปรับระยะแฮนด์ได้อีก 1 สเตป 20 มม.เบาะให้วัสดุหุ้มแบบสูญญากาศ
ไม่ย่นและมีเนื้อนวมหยุ่นนั่งสบายไม่แข็ง พื้นผิวหนังหุ้มเบาะยึดเกาะตัวคนขี่และคนซ้อนได้ดี ไม่มีไถลไปด้านหน้าเวลาเบรกรถ ตำแหน่งเว้าของเบาะใน 350E ให้สเปซการขยับตัวพร้อมความกว้างนั่งสบาย ฟีลลิ่งเหมือนขี่ไปบนโซฟาเล็ก หลังจากขี่จบทรป ได้บทสรุปด้านมิติของทั้งสองรุ่น
ช่วงดี ขี่ง่าย เลี้ยวคม มีความคล่องตัวสูง งานออกแบบบอดี้สมกับคำว่า The Supporter ใช้เวลากับรถได้นานโดยแทบไม่มีอาการล้า
Suspension System
ระบบกันสะเทือนใช้โช้คหน้าเทเลสโคปิก-โช้คหลังคู่ เหมือนกันทั้งสองรุ่นลองสังเกตอาการในความเร็วต่ำ-ไม่เกิน 145 กม./ชม.ฟีลลิ่งออกแนวมานุ่ม-หนึบเอาตัวรอดได้ในภาวะการขี่เร็วแล้วเจอถนนขรุขระบัมพ์คอสะพานและระนาดชะลอความเร็วสังเกตว่าระบบกันสะเทือนชุดนี้ของ 350E ได้รับการเซ็ทช่วงยุบและคืนตัวให้ “พอเหมาะ” สำหรับใช้งาน “ทั่วไป” ส่วนในความเร็วสูงเกิน 145 กม./ชม ขึ้นไป
ทั้งทางตรงและเลี้ยว รู้สึกได้ถึงอาการร่อน-หน้าไว อันเป็นผลสืบเนื่องจากแอโร่ไดนามิคและการทำงานของช่วงล่างเดิมที่เกินขีดจำกัด ดังนั้นใครเป็นเจ้าของรถแล้วขี่เร็วตลอดๆควรเซ็ทอัพโช้คอัพให้เหมาะกับน้ำหนักตัวเองและการใช้งาน หรือจะอัพเกรดออพชั่นเสริมสมรรถนะก็ลงตัว
Brake System
ระบบเบรก J.Jaun การใช้งานเบรก ทำได้ดีมากกับการให้มือเบรกเป็นแบบปรับระดับได้ ฝั่งซ้ายมีกลไกพาร์คกิ้งเบรกใช้งานง่ายดายคาลิเปอร์เรเดียลเมาท์ J.Jaun( แบรนด์สเปนที่ปัจจุบันอยู่ใต้ชายคาเดียวกับ Brembo )
จานดิสก์ให้มาแบบไม่กั๊ก หน้า 268 มม. หลัง 265 มม.ฟีลลิ่งการสั่งหยุดในหลายระดับความเร็ว สามารถใช้คำว่า “ดีเยี่ยม” ได้เลยเสริมด้วยระบบ ABS 2 ชาแนลจาก BOSCH ตอบสนองการตัดอาการล้อล็อกค่อนข้างละเอียด ช่วงล่างและเบรก สรุปว่าเดิมๆให้มาดี แต่ถ้าใครใช้งานหนักหรือโหดกว่านี้ก็ไปอัพเพิ่มเอาเอง
Wheels
วงล้อ ทั้งสองรุ่นใช้ขนาด หน้า 15 หลัง 14 พร้อมยางจุ๊บเลส IRC IZS หน้า120/70-15 หลัง 140/70-14 มีข้อสังเกตความต่างที่สีล้อของรุ่น 350E เป็นสีทอง ส่วน 350D ใช้สีดำ ฟีลลิ่งยางติดรถ
รองรับการใช้งานทั่วไปได้ทั้งการขับขี่ในเมืองและเดินทาง ตัวยางมีความเกาะถนนและเข้าโค้งได้ดีและมีความนิ่มนวลสูง ที่สำคัญสามารถดูแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ได้จากฟังก์ชั่นหน้าจอดิจิทัล
Function
กุญแจรีโมท Smart Key 3.0 กันน้ำและมีขนาดเล็กพกง่ายการเปิดระบบรถเหมือนการกดปุ่ม On ปลดล็อก-เปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กุญแจทำงานในระยะ 1.5 เมตร
และเป็นกุญแจอิมโมบิไลเซอร์หากรีโมทแบตหมดสามารถนำไปทาบกับเซนเซอร์ในช่องใส่ของฝั่งขวาเพื่อปลดล็อค-สตาร์ทรถได้ หากดับเครื่องแล้วการเริ่มใช้งานรถต้องกดปุ่ม On 1 ครั้งเสมอ ชิลด์หน้า ในรุ่น 350E ใบใหญ่และกว้าง
แต่มีช่องระบายลม กลางชิลด์ โฟลว์ลมถึงตัวคนขี่และทำหน้าตัดลมได้ดี ชิลด์หน้ารุ่น 350D รูปทรงเล็กและสั้นกว่า สามารถปรับชิลด์แบบไฟฟ้าได้ 2 ระดับเหมือนกัน แค่กดปุ่มที่แฮนด์ซ้าย 1 ครั้ง
ช่องใส่ของตรงคอนโซลซ้ายมีช่องชาร์จไฟแบบ Type A และ C ส่วนในรุ่น 350E มีอีก 1 ช่องใต้จอเรือนไมล์(รวมเป็น 3 จุด) จอสี TFT สวย รายละเอียดครบ เลือกอินเตอร์เฟสได้ 4 แบบ มีช่องทางการเชื่อมต่อได้ 3 ช่องทาง
เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพ Capid Ride เพื่อมิเรอร์หน้าจอมือถือขึ้นไปที่จอรถได้ ทำให้สามารถดูแผนหรือ YT ได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของรถที่ได้สิทธิ์จะใช้ Zontes Intelegent app ควบคุมรถทั้งระบบ
หรือจะเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อรับสายเข้าออกโดยใช้ปุ่ม Mode และ Set ก็ทำได้สะดวก พื้นที่ใต้เบาะรุ่น 350E มีความจุถึง 48 ลิตร ใส่หมวกกันน็อก 2 ใบ โดยวางหันหน้าไปทางส่วนท้ายเบาะ ส่วนรุ่น 350D ใส่ได้ 1 ใบแบบหงายขึ้นพร้อมวัสดุบุ Ubox ป้องกันรอย
ราคาดีงาม
Zontes 350E ราคาจำหน่าย 149,000 บาท มี 4 ตัวเลือกสี ได้แก่ เทา Light Grey ,เทาดำ Dark Grey, ดำ Extra Black และแดง Ruby Red
Zontes 350D ราคาจำหน่าย 141,000 บาท มี 3 ตัวเลือกสี ได้แก่ เทา Light Grey ,ดำ Extra Black และเขียวเทอคอยส์ Green Turquoise
Conclusion
บทสรุปการ รีวิว Zontes 350E และ 350D เป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ครบเครื่อง นอกจากความสวยงามของบอดี้ ยังให้ฟีลลิ่งขับขี่กระชับลู่ลม สู้แรงปะทะอากาศได้ไม่เซ ขี่ความเร็วสูงทรงตัวได้ดี
งานประกอบแน่นหนาปราณีตและไม่มีเสียงนอยซ์จากชิ้นงานให้สมรรถนะ “สมราคา” ทั้งเครื่องยนต์, ช่วงล่างและเบรกแถมด้วยฟังก์ชั่นให้มาแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก อีกทั้งแบรนด์ Zontes คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์ยาวนานกว่า 21 ปี
โรงงานผลิตปัจจุบันทันสมัยและส่งไปจำหน่ายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มาตรฐานสินค้าสามารถจำหน่ายใน EU ได้สง่าผ่าเผยศูนย์บริการของไดนามิค มอเตอร์ ในประเทศไทยเองก็มีเครือข่ายกว่า 60 แห่ง ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นกระแสพูดถึงในกลุ่มผู้สนใจมอเตอร์ไซค์ประเทศไทยอยู่ตอนนี้ลองไปสัมผัสคันจริงแล้วจะเข้าใจว่านี่ทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจมากๆครับ
อ่านข่าวสารเพิ่มเติม คลิกทีนี่
ติดตามพวกเราผ่านยูทูปได้เลย คลิกทีนี่