รีวิว Fazzio Hybrid Connected 2025 กับ 5 เหตุผล ทำไมต้องซื้อ
หากถามว่ามอเตอร์ไซค์ออโตเมติครุ่นไหน ที่เห็นแว็บเดียวแล้วจดจำได้ทันที แถมยังมีความน่ารักสไตล์แฟชั่น ดีไซน์และปั้นบอดี้ผสานมุมมองโมเดิร์นคลาสสิกอย่างกลมกล่อม รถคันนั้นคือ Yamaha Fazzio Hybrid Connected 2025 ออโตเมติกสุดปังของยามาฮ่า ที่ครั้งนี้เรานำเวอร์ชัน Standard มารีวิว Fazzio Hybrid Connected 2025 เพื่อตีแผ่ “เหตุผล 5 ใหญ่” ควรรู้ ก่อนซื้อ! จะมีข้อไหนตรงใจใครหรือเปล่า? ..ไปดู!!
1.สวยดี ขี่ง่าย
คอนเซ็ปต์ “แคปซูล” เป็นรูปทรงเท่ ๆ ที่นำมาประยุกต์เข้ากับดีไซน์ Yamaha Fazzio ได้เหมาะเจาะ สังเกตดี ๆ รายละเอียดบอดี้มีการซ่อนความเก๋ของทรงแคปซูลเอาไว้ทั่วร่าง
![]() |
![]() |
โคมไฟหน้าทรงมนใช้หลอด LED แมตช์กับเชปหน้าจอ LCD ที่มาในรูปแคปซูล การออกแบบเส้นสายโค้งมนนี้ต่อเนื่องไปจนถึงตัวบอดี้และไฟท้าย LED /ไฟเลี้ยว รวมทั้งช่องใส่ของใต้เบาะที่ให้มุมมองรูปทรงในฟีลเดียวกันทั้งหมด
คาแรคเตอร์ความเป็นรถเล็ก น้ำหนักรถจึงเบา 96 กก. ส่งต่อถึงฟีลลิ่ง “ความคล่องตัว” ที่ลองแล้วสามารถใช้คำว่าดีเยี่ยมได้เลย เบาะนั่งต่ำ 750 มม. ระยะแฮนด์กว้าง 685 มม. รับกับสเปซของการวางเท้าลงบนฟลอร์บอร์ดซึ่งให้มาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นนอกจากขี่ง่ายเบามือแล้ว ยังรู้สึกสบายแม้จะใช้เวลากับรถนาน ๆ ในจุดนี้อยากบอกว่า Yamaha Fazzio ออกแบบเอาใจสาว ๆ หรือคนรูปร่างเล็กได้ตรงจุดจริง ๆ
ในด้านความคล่องตัว อีกส่วนมาจากชุดล้อหน้า-หลัง ในแบบ “ล้อเล็ก” ขอบ 12 นิ้ว รัดด้วยยางจุ๊บเลส ขนาด 110/70-12 เท่ากัน โดยในเวอร์ชัน 2025 ให้ยาง DUNLOP ลายสวย แถมยังให้ฟีลลิ่งการเกาะถนนดีขึ้นมาก ๆ ทั้งการขับขี่ทั่ว ๆ ไป เลี้ยวโค้งและการเบรก
2. ประหยัด สมรรถนะเกินตัว
ทุกครั้งที่ได้ลองขี่ มีอย่างหนึ่งที่โดดเด่นมากในคาแรคเตอร์ขุมพลัง Blue Core Hybrid ขนาด 125 ซีซี. 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ นั่นคือ “ความนุ่มนวลแต่ทรงพลัง” ที่มาพร้อมกับความเงียบตั้งแต่เริ่มการสตาร์ทรถ
เมื่อออกตัวไป รู้สึกว่ารถวิ่งเบามือและให้ย่านกำลังต่อเนื่องดีมาก เทคนิคสำคัญอยู่ที่ Smart Motor Generator ซึ่งยามาฮ่าออกแบบให้ตัวรถสามารถดึงพลังการหมุนของมอเตอร์ เข้ามาช่วยส่งกำลังฉุดรอบต้นให้รถบิดได้ “พุ่ง” เป็นระบบไฮบริดที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนทุกครั้งที่บิดชู้ตคันเร่งนั่นเอง
![]() |
![]() |
![]() |
ดังนั้นการทดสอบครั้งนี้นอกจากจะสนุกกับอาการเครื่องยนต์ที่ตอบสนองดีทั้งต้น-กลาง-ปลาย ยังได้ความประหยัดเป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงถึง 57.05 กม./ลิตร (จากระยะทาง 140.3 กม. หารน้ำมันที่เติมคืนเต็มถัง 2.459 ลิตร) เมื่อคำนวณระยะทางเล่น ๆ
จากตัวเลขความประหยัดขนาดนี้ บนความจุถังน้ำมัน 5.1 ลิตรของ Fazzio หากเติมเต็มถังแล้วขี่ใช้งานจริงจังเหมือนที่เราทดสอบ ก็จะวิ่งได้ไกลร่วม ๆ 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว
ข้อสังเกตอีกหนึ่งจุด คือในเวอร์ชัน Standard ยังมีคันสตาร์ทเท้าติดตั้งอยู่ในด้านตรงข้ามท่อ ตรงนี้บอกเลยว่าถูกใจไบเกอร์มาก ๆ เพราะเพิ่มความอุ่นใจในการใช้งานและลดข้อจำกัดในการพึ่งพาการสตาร์ทรถจากปุ่มไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
3.ฟังก์ชันดี ตอบโจทย์
ที่ผ่านมายามาฮ่ามักกำหนด “ความเอนกประสงค์” เป็นองค์ประกอบหลักของการพัฒนารถที่ส่งถึงมือลูกค้าอยู่เสมอ Fazzio เองก็เช่นกัน รถรุ่นนี้ให้ฟังก์ชันดี ๆ มากมาย เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ได้ครบด้านและคุ้มค่า
หน้าจอ LCD ขนาดมินิมอล รูปทรง “แคปซูล” ให้มาตรวัดความเร็ว / ระดับน้ำมัน /นาฬิกา /เซ็ททริปได้ / ดูแรงดันแบตเตอรี่ และมีองศาของการมองจากตำแหน่งผู้ขับขี่ที่พอเหมาะ ไม่มีสะท้อนแสงแยงตา
จอ LCD สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Yamaha Y-CONNECT แสดงสายโทรเข้า, แจ้งเตือนข้อความ, ส่วนใครที่ชอบบันทึกการเดินทางก็มีฟังก์ชันในแอพให้เข้าไปสนุกมากมาย รวมถึงการทำ Riding Log เอาไว้แชร์บนโซเชียล
กุญแจเวอร์ชัน Standard เป็นดอกกุญแจชัตเตอร์คีย์ ที่นอกจากบิดเปิดสตาร์ทรถ ยังใช้ควบคุมการเปิดเบาะด้วยวิธีบิดทวนเข็มนาฬิกา
U Box ใต้เบาะ ขนาดความจุ 17.8 ลิตร ออกแบบให้พื้นช่องใส่ของมีลักษณะราบ ไม่เป็นหลุม ใส่หมวกกันน็อกครึ่งใบได้ และจุพอสำหรับสัมภาระส่วนตัวผู้ขับขี่ได้อีกพอสมควร
ด้านหน้าคนขี่ตรงกึ่งกลางคอนโซล และใต้ที่นั่ง มีตะขอแขวนของติดตั้งมาให้ ถือว่าตอบโจทย์สายจ่ายกับข้าว
ช่องใส่ของด้านซ้ายคอนโซนมีฝาปิด พร้อมพอร์ท USB Type A ส่วนด้านขวาเป็นช่องแบบเปิดเหมาะสำหรับใส่ขวดน้ำเล็ก ๆ หรือใส่ถุงมือขี่รถ
4. ความปลอดภัย
![]() |
![]() |
ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คคู่แบบเทเลสโคปิก และโช้คหลังเดี่ยว ยูนิตสวิง ให้ฟีลลิ่งโดยรวมนุ่มนวลขึ้นและโช้คเดี่ยวด้านหลังก็รับแรงกระแทกได้ดี ไม่พบอาการยันแม้จะนั่งซ้อนสองขี่ใช้ความเร็วแล้วบั๊มพ์รอยต่อถนน
อีกหนึ่งออปชั่นความปลอดภัยที่สำคัญอย่างระบบเบรกเจ้าฟาซซิโอ้มาพร้อมกับกลไกกระจายแรงเบรก UBS (Unified Brake System) ทำงานผ่านดิสก์เบรกหน้า-ดรัมเบรกหลัง จากการทดสอบเบรกพบว่าเบรกได้หนึบมั่นใจ และในความเห็นผู้รีวิวมองว่าระบบนี้จะมีประโยชน์สำหรับมือใหม่บางคนที่ยังใช้เบรกไม่เก่งและติดอาการกำแต่เบรกหลัง ทั้งที่หากเบรกแบบหน้า-หลังเฉลี่ย หน้า 70% หลัง 30% จะหยุดรถได้ปลอดภัยกว่า
ระบบเสริมความปลอดภัยอย่าง Side Stand Switch ที่หากยังใช้งานขาตั้งข้างอยู่ ก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ เนื่องจากในรถขับเคลื่อนสายพาน CVT แบบนี้ โอกาสที่ผู้ใช้ประสบการณ์น้อยหรือบางคนที่จอดรถแต่ยังไม่ดับเครื่องแล้วให้เด็ก ๆนั่ งรอบนรถแล้วเผลอบิดคันเร่งขณะจอด ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ดังนั้นการติดตั้ง Side Stand Switch จึงเป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ควรมีไว้ทุกคันจริง ๆ ครับ
5. มีให้เล่น 2 ตัวเลือก
ยามาฮ่าวางจำหน่ายโมเดลปี 2025 แยกเป็น 2 เวอร์ชัน
– เวอร์ชัน Smart key ราคาแนะนำ 52,900 บาท
มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ขาว-น้ำเงิน Retro-White, เขียว-ขาว Relax Matt Green และ น้ำเงิน-ชมพู Neo Dark Blue
– เวอร์ชัน Standard ราคาแนะนำ 50,900 บาท
มีให้เลือกใช้ 3 สี ได้แก่ ดำ Active Black, ชมพู Neo Mauve และเขียว Nomad Green ซึ่งเป็นรุ่นที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้
อยากตอกย้ำอีกที ว่ารถรุ่นนี้ประกอบไทยรวมถึงยามาฮ่าให้ความมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานกับการประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
รีวิว Yamaha Fazzio Hybrid Connected ปี 2025 ครั้งนี้ อยากการันตีว่านี่คือหนึ่งในมอเตอร์ไซค์ออโตเมติคไซส์เล็กที่มีทีเด็ดทั่วร่าง..เล่นได้ครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน!
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
























