รีวิว Forza 750 2025

รีวิว Forza 750 2025 ขี่ดี ราคาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง..!!

     รีวิว Forza 750 2025 ขี่ดี ราคาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง..!!

รีวิว Forza 750 2025

ได้ลองสักที ครั้งนี้เราจัดสำหรับ รีวิว Forza 750 2025 ตัวใหมล่าสุด 1 ในซีรี่ส์ที่ทุกคนรอคอยในพิกัด 750 ซีซี กับการรีวิวทดสอบสไตล์ทัวริ่งบนถนนจริงวิ่งจากกรุงเทพ – เขาใหญ่ – บุรีรัมย์ โดยการทดสอบครั้งนี้ เป็นการรวมกลุ่มสื่อมวลชนและอินฟลูเอ็นเซอร์ระดับหัวแถวของวงการ ไทย ฮอนด้า จัดให้แบบยิ่งใหญ่ ถือว่าเป็นการทดสอบครั้งแรกในเอเชีย ภายในชื่องาน 750 Series Best in class press trip 2025

งานนี้ยิ่งใหญ่จริง แต่ครั้งนี้ตัวผมเองขอโฟกัสแบบเน้น ๆ ให้กับฟอร์ซ่า 750 ตัวใหม่ โฉมใหม่ กระแสแรงสุด ๆ ในตอนนี้ เล่นเอาเพื่อนรวมพิกัดต้องหัน ของใหม่มันก็แบบนี้ละ สดจี๋เลยพี่จ๋า…

รีวิว Forza 750 2025

โดยการทดสอบครั้งนี้ก็ถูกออกแบบเป็นกลุ่ม กลุ่มละช่วง แต่ละช่วงกินระยะทางประมาณ 120 – 150 กิโลเมตร จนกว่าจะถึง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ถามว่าระยะนี้ทดสอบจับฟีลลิ่งได้ไหม ก็พอได้นะ ซึ่งทางผมเอง ได้ถูกแบ่งกลุ่มลงไปอยู่ในกลุ่ม C ที่จะได้ขับขี่ออกตัวจากเขาใหญ่ ไปจนถึงหนองกี่ โดยมีระยะทางรวมโดยประมาณ 150 กิโลเมตร ได้เจอทั้งสภาพถนนแห้ง ถนนเปียก โค้งลึก โค้งหักศอก ได้ทดสอบ 750 ซีรีย์ทั้ง 2 ตัว บอกเลยว่ามันส์ เข้าถึงแน่นอนเพราะทดสอบกันแบบครบรส..

เรามาพูดถึงตัวรถกันบ้างดีกว่า จะเรียกไรดีอะ บิ๊กสกู๊ตเกอร์ หรือ รถบิ๊กไบค์สไตล์สกู๊ตเตอร์ ฮ่าๆๆ ช่างมันอย่าไปใส่ใจ เทคโนโลยีสมัยนี้ล้ำไปไกลแล้ว เกินจะแบ่งประเภท ผมขอให้คันนี้เป็น “บิ๊กสกู๊ตเตอร์” แล้วกันเอ้า  ทว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูเลย!!

รูปลักษณ์

เริ่มต้นกันที่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกก็ออกมามีเส้นสายโฉบเฉี่ยวดุดันในสไตล์สปอร์ตขณะเดียวกันก็มีความพรีเมียมหรูหราจากไฟเลี้ยวด้านหน้าที่รวมเข้าไปอยู่กับไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์ด้านข้างไฟคู่หน้า ช่วงหน้าของรถดูบึกบึนกำยำ ขณะที่ด้านท้ายก็ดูปราดเปรียวคล่องตัว ขณะที่สีสันเองก็ออกมาในทางหรูหรามีระดับ ไม่ได้มีลวดลายกราฟิกอะไรเพิ่มเติม เน้นไปที่การตัดกันของสีแฟริ่งและวัสดุที่ใช้ ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะครับ โดยรวมแล้วน่าจะถูกใจไบเกอร์ที่มีอายุสักหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าวัยรุ่นจะขี่ไม่ได้นะครับ เพราะโดยส่วนตัวเป็นผมเองก็จะเอาไปทำสีขาวมุก บอกเลยว่าทำสีไหนก็สวยเพราะทรงเดิม ๆ มาดีจริง ๆ

ขุมพลัง

รีวิว Forza 750 2025

เครื่องยนต์นั้นจะเป็นเครื่อง 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ SOHC 4 วาล์วต่อสูบ เคลมกำลังมาที่ 57.66 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 69 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ใช้เชื้อเพลิงจากถังขนาด 13.2 ลิตร สั่งงานด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมดคือ Standard, Sport และ Rain พร้อมกับโหมด User ให้คัสตอมใช้งานได้เองอีก 2 โหมด ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ DCT 6 สปีด ที่ปรับปรุงมาใหม่ให้การควบคุมที่ความเร็วต่ำนั้นทำได้คล่องตัวและแม่นยำได้ดั่งใจ ส่งผ่านกำลังสู่ล้อหลังด้วยโซ่ ไม่ใช่สายพานแบบสกู๊ตเตอร์ทั่วไป

แล้วยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างแทรคชันคอนโทรลหรือที่ทางค่ายเรียกว่า HSTC มาให้ใช้งานเพิ่มความปลอดภัย รวมไปถึงระบบครูซคอนโทรลที่ติดตั้งมาให้แล้วในเจ็นนี้

ฟีลลิ่งของเครื่องยนต์

รีวิว Forza 750 2025

ฟอร์ซ่า 750 พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกับ X-ADV 750 เอาจริงความแรงตอบโจทย์เลยละ เครื่องยนต์ 2 สูบ ทำ Topspeed ได้ทะลุหน้าไมล์ 180 กม./ชม. มาพร้อมกับเกียร์ DCT ที่มีการปรับจูนมาใหม่ เสริมในเรื่องของการคาดการณ์ช่วงต่อเกียร์ ตรงนี้ได้ฟีลลิ่งที่เนียนนุ่ม ทำงานฉลาดกว่าเดิม ทำให้เวลาออกตัวจากรถหยุดนิ่งได้ดี แล้วก็จะเห็นผลในช่วงความเร็วต่ำ คันเร่งไฟฟ้าเวลาเปิดก็ได้รับการตอบสนองที่ดีมากยิ่งขึ้น

รีวิว Forza 750 2025

ระบบการส่งกำลังเป็นแบบ โซ่ สเตอร์ ถ้าพูดถึงความนุ่มนวลก็คงไม่อาจจะเทียบระบบสายพาน บอกเลยว่าไม่มีทาง แต่โซ่ตัวนี้ก็มีความนุ่มอยู่ในระดับนึง แต่ก็จะมีข้อดีในเรื่องของการรับแรงบิดจากเครื่อง กระชากส่งตรงมาสู่ล้อ ทำให้ไม่ต้องห่วงเลย ว่าจะเกิดการกระฉากขาด

ช่วงที่ทดสอบในเขาใหญ่ เริ่มเชนเกียร์เล่นในโหมด DCT Manual / Auto ปรับด้วยตนเองทั้งขึ้นและลง หรือตั้งออโต้ รู้สึกได้ว่าเกียร์ฉลาดกว่าตัวก่อนหน้านี้ ระบบต่าง ๆของตัวรถสัมพันธ์กันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ขี่ง่าย กล้าใช้คันเร่งในโค้ง เรียกกำลังมาได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะระบบส่งกำลังฉลาดกว่าเดิม

ส่วนตัว เทคโนโลยี อย่าง Riding Mode ที่ปรับได้ขณะขับขี่ ผมทดสอบเอง ก็คงจะเน้นไปทาง Sport เน้นคันเร่งไฟฟ้าตอบสนองไวมันส์มาก แต่ก็จะมีเปิด Rain ช่วงฝนตกระบบก็จะปรับให้ Traction ทำงานไวละเอียดมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ส่วนใครชอบปรับแต่งตามสไตล์ก็มีโหมด USER ปรับได้ตามใจชอบ

ท่าทาง ขับขี่

รีวิว Forza 750 2025

สำหรับคันนี้มันไม่ใช่สกู๊ตเตอร์ทั่วไปอ่ะนะ มันก็เลยมีวิธีการขึ้นนิดหน่อย จะกวาดขาผ่านคอนโซลกลางช่วงถังน้ำมัน หรือจะวาดขาผ่านหลังรถแบบแมน ๆ ก็ทำได้ ก็มีนิดนึงนะที่รู้สึก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไร ด้วยความที่เป็นสไตล์สกูตเตอร์มันก็จะประมาณนี้

รีวิว Forza 750 2025

 

 

ในส่วนของฟีลท่านั่งการขับขี่ ตำแหน่งการวางเท้าก็แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็วางปกติทั่วไป แต่มันจะไม่ได้กว้างมากแบบพวก Giorno, Click160 นะ แต่มันก็จะมีอีกฟุตบอร์ดที่ยกสเต็ปขึ้นไป สามารถยืดฝ่าเท้าไปวางไว้ด้านหน้า เหมาะกับไว้วางช่วงขี่ทางไกล ขยับขา ขยับเข่า ให้พอยืดเส้นยืดสายได้บ้าง พอช่วยแก้เมื่อยได้ในระดับนึง

รีวิว Forza 750 2025

ส่วนระยะความกว้างของแฮนด์ เมื่อสลับจาก X-ADV ลงมาขับ Forza คือคนละคันเลย สัมผัสได้ทันทีว่าแฮนด์ฟอร์ซ่าไม่กว้างเท่า รู้สึกว่าแคบกว่าชัดเจนละ ถ้าใช้งานในเมืองคงเหมาะสำหรับการมุดใช้งานคล่องตัว แต่ก็ต้องเพิ่มความเคยชินด้วยถึงจะมุดได้อย่างปลอดภัย แต่พอมาทัวร์ริ่งแล้วก็มีความรู้สึกอยากให้มันกว้างนะ มันคอนโทรลตัวรถได้สบายถ้าระยะเท่า X-ADV ก็คงจะดี

ช่วงล่าง

ตัวรถจะมีเฟรมแบบไดมอนด์เฟรม ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คหัวกลับ Showa SFF-BP ขนาด 41 มม. ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวปรับพรีโหลดได้ 10 ระดับ พร้อมกระเดื่องและสวิงอาร์ม โดยสวิงอาร์มอลูมิเนียมออกแบบหน้าตัดรูปตัว U เว้าด้านใน เพื่อลดน้ำหนักส่วนเกิน โดยที่ยังมีความแข็งแรงสูง รับแรงได้ดี และยังช่วยให้ได้การยึดเกาะที่ดี

ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มม.กับคาลิเปอร์เบรก Nissin เรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 มม. กับคาลิเปอร์เบรก Nissin แบบลูกสูบเดี่ยว พร้อมระบบเบรก ABS ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนล้อเป็นล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบ 9 ก้านรัดมาด้วยยาง Pirelli หรือ Bridgestone แล้วแต่ว่าจะได้ค่ายไหนน่ะนะ โดยจะมีขนาด 120/70 – R17 M/C 58H และ 160/60 – R15 M/C 67H หน้าหลังตามลำดับ

รีวิว 2025 Forza 750

จากการได้ทดลองขับขี่ ส่วนที่เป็นความเร็วต่ำในเขาใหญ่ มีเจอทางเป็นหลุมบ่อพอได้รู้สึก ตัวโช้คทำงานได้ดี แต่ยังดีไม่เท่า X-ADV ซึ่งแน่นอน ฮอนด้าออกแบบคาแร็คเตอร์ให้แตกต่าง เพราะคันนี้เป็นสปอร์ตทัวริ่ง แต่ก็ยังมีความนุ่มนวล มั่นคงในความเร็วกลางไปถึงความสูง โช้คเดิมโรงงานส่วนตัวมันก็เพียงพอแล้วละ ใช้งานทั่วไป ขี่ง่าย ส่วนถ้าอยากซิ่ง โหลดลงมาหน่อย เซ็ตน้ำมันใหม่ คงไม่ยากบอกเลย

ล้อ ยาง มาแปลกกับสองซัพพลายเยอร์ P / B ไซส์ยางก็ต้องจับคู่ข้ามรุ่น ขนาดล้อหน้า 17 นิ้ว ล้อหลัง 15 นิ้ว แต่ก็มีข้อดีของมัน ล้อหน้าบ่งบอกความเป็นทัวริ่ง ล้อหลังให้ความเป็นสกู๊ตเตอร์

รีวิว Forza 750 2025

ทดสอบเข้าโค้งในเขาใหญ่ ถนนแห้งให้ความรู้สึกพอ ๆ กัน แต่พอฝนตกถนนเปียกแบรนด์ P ได้ฟีลลิ่งที่ดีกว่า ซึ่งเอาจริง ๆ เเล้วเราเลือกไม่ได้นะว่าจะเอายางอะไร เปิดกล่องมายางไหนก็ยางนั้น

แต่สิ่งที่ต้องปรบมือให้เลย นั้นคือ ระบบเบรก เป็นเบรกที่รู้สึกว่า กำแล้วเอาอยู่ เบรกแล้วได้ระยะเบรกที่ดี อาจจะเป็นเพราะได้จานเบรกขนาดใหญ่ 310 มิลลิเมตร ดิสก์คู่ เบรกคาลิเปอร์แบบเรเดียลเมาท์ ทำให้ได้ฟีลลิ่งดี ดีจนรู้สึกได้ว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

สำหรับช่วงล่างโดยรวมผมบอกเลยว่า เดิมโรงงานที่ให้มา ผมมาชั่งน้ำหนักฟีลลิ่งทุกอย่างถือว่าดี ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ ออกทริปทัวริ่งก็ได้ ส่วนใครจะซิ่งอีกไม่นานค่ายเหลือง คงทำออกมา เจ็บแต่จบ ก็คงได้ฟีลลิ่งอีกแบบ ก็รอกันไป ของมันสดอยู่ตอนนี้

มุมมอง ผ่านชิลด์ไฟฟ้า

รีวิว 2025 Forza 750

นี่ละที่รอคอยมันดีจริง ใช้งานได้ แล้วก็ได้ใช้งานจริง สำหรับระบบไฟฟ้าที่ถูกนำมาใส่ใน Gen 2 นี้ ปรับได้ขณะขับขี่ แล้วก็ได้มุมมองที่ไม่หลอกตา สำหรับมุมมองใช้งานในเมืองก็สร้างความชินกะระยะของตัวรถ ขี่สบายๆได้เลย ส่วนช่วงมาที่เขาใหญ่ เจอฝนตกกันฝนได้ในระดับนึง ส่วนเดินทางไกลๆ ก็ช่วยลดลมปะทะตัวได้ขี่ไม่เหนื่อย ขี่ได้ไกลขึ้น ก็เลือกปรับเอาตามสถานการณ์

ยังมีฟังก์ชั่นเจ๋ง ๆ อย่างตอนที่จอดรถแล้ว ชิลด์หน้าจะลดระดับลงเองอัตโนมัติ แล้วก็จะขึ้นไปในระดับเดิมเมื่อรถวิ่งได้ 5 กิโลเมตร ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นอีกฟังก์ชั่นที่เสริมเข้ามาในระบบชิลด์ไฟฟ้า

ข้อสังเกต

– ถ้าเป็นพ่อบ้าน สายบรรทุก U-Box สู้ ไซส์ 350 ไม่ได้เลย เก็บได้เพียงหมวกกันน็อคใบเดียว แต่ใหญ่กว่าฝั่ง X-ADV นะ

– ความร้อนขึ้นมาตรงที่พักเท้า ร้อนช่วงต้นขา ถ้าใช้งานในเมือง จะทำให้อรรถรสในการขับขี่น้อยลง

– ถังน้ำมันเล็ก 13 ลิตร จะทัวริ่งตามสไตล์ทั้งที ควรวางแผนในกลุ่มดี ๆ โดนถังใหญ่ทิ้งแบบไม่รู้ตัวนะจะบอกให้

สรุป ให้เลย..!!

 

รีวิว 2025 Forza 750

New Forza 750 เป็นรถที่ออกแบบมาให้ฟีลลิ่งแบบสปอร์ตทัวริ่ง ที่มีท่านั่งการขับขี่สบาย ๆ ยืดขาได้ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้งหน้าจอ TFT ต่อสมาร์ทโฟนได้ พร้อมสั่งงานด้วเสียง ชิลด์ไฟฟ้า พร้อมช่องชาร์จไฟไทป์ C มาพร้อมกับความแรง 750 ซีซี ระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติปรับมาใหม่ เนียนขึ้น ช่วงล่างสปอร์ต เบรกดี ช่วงล่างแน่น ปิดจบด้วยราคา ที่ทำเอาตลาดแตก กับราคา 419,000 บาท ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ… เอาจริงจบทริปรีวิวนี้คงต้องหามาครอบครองสักคัน ใช้ให้แล้วใจกันไป…สัญญา จะขี่เดิม ๆ !!\

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่