รีวิว Himalayan 450

รีวิว Himalayan 450 สายลุยตัวกลั่นจาก Royal Enfield 

รีวิว Himalayan 450 สายลุยตัวกลั่นจาก Royal Enfield 

รีวิว Himalayan 450

Royal Enfield เปิดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ รีวิว Himalayan 450 อย่างเป็นทางการซักที หลังจากเปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงต้นปีพร้อมกับได้รับเสียงต้อนรับเป็นอย่างดี สำหรับเหล่าไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบในการเดินทางผจญภัย Himalayan ยังคง DNA ความอเนกประสงค์ และความสามารถในการเดินทางไปในทุกเส้นทาง แต่มีการยกระดับใหม่หมด ให้ไปได้ไกลและโหดมากยิ่งขึ้น ด้วยสมรรถนะการใช้งานที่ยอดเยี่ยมและลงตัวกว่าเดิม 

ทดสอบกันในเส้นทางธรรมชาติที่ จ.นครราชสีมา เส้นทางแบ่งเป็น 40% On-Road และ 60% Off-Road ท้าทายสมรรถนะให้ถึงขีดสุด มากกว่าเส้นทางผจญภัย แต่ยกระดับเส้นทางเป็นแบบเอ็นดูโร ถ้าสมรรถนะไม่โหดจริงผ่านบททดสอบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน มาดูกันว่า Himalayan 450 จะผ่านด่านทดสอบนี้ได้หรือไม่ไปลุยกัน !! 

ดีไซน์ใหม่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิม 

รีวิว Himalayan 450

เรื่องของดีไซน์ภายนอกมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือเส้นสายใหม่ที่ออกแบบมาได้ดูโค้งมนมากขึ้น และดูสมบุกสมบันมากขึ้น จากการอัปเกรดเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นทำให้ดูเต็มดูแน่น ขณะเดียวกันช่วงล่างก็มีการอัปเกรดให้ดีขึ้นและเหมาะกับการขับขี่แบบสมบุกสมบันมากขึ้น รวมถึงมีการใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงที่เน้นให้มีสมรรถนะในการลุยมากยิ่งขึ้น 

เครื่องยนต์ Sherpa 450 แรงตอบโจทย์ 

รีวิว Himalayan 450

ได้รับแรงบรรดาลใจในการออกแบบเครื่องยนต์จากชนเผ่าเชอร์ปาที่บนอาศัยอยู่ใกล้กับเทือกเขาหิมาลัยซึ่งมีความแข็งแรงมาก ๆ ทำให้เครื่องยนต์ตัวนี้มีแรงบิดมากพอที่จะฝ่าฟันทุกอุปสรรคได้ แม้เส้นทางจะยากลำบาก เป็นเครื่องยนต์ที่ออกมาเรียบง่าย อึด ทึก ทน สามารถพาคุณฝ่าทุกเส้นทางโหด ๆ ได้แบบสบาย  ๆ 

เครื่องยนต์สูบเดี่ยว DOHC 4 วาล์ว 452 ซีซี  6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดไฟฟ้า ทำงานร่วมกับคันเร่งไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุด 40.02 แรงม้าที่ 8,000 รอบ / นาที แรงบิดสูงสุด 40 นิวตันเมตรที่ 5500 รอบ / นาที ซึ่งถือว่ามีความแรงกว่าโมเดลเก่าอย่างชัดเจน มีถังน้ำมันขนาด 17 ลิตรใหญ่ขึ้นกว่าโมเดลเก่า อีกทั้งยังมีจุดเด่นอีกจุดคือมีการออกแบบให้ช่องรับอากาศปรับให้สูงขึ้นมาอยู่บริเวณใต้ถังน้ำมัน เพื่อให้คุณลุยน้ำได้มากขึ้น  

จากการได้ทดลองถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่เอกลักษ์อยู่ที่ แรงทอร์คที่มีให้ใช้อย่างสนุก โดยแรงบิดในช่วงต้นเนี่ยมาเร็วมากตั้งแต่รอบต่ำเพียง 3000 รอบ ทำให้การเร่งแซงในทางดำ หรือพละกำลังที่ต้องเรียกใช้ในทางดินสอบผ่านสบาย ๆ ส่วนความเร็วปลายที่พอทำได้ในทริปก็สามารถทำได้อยู่ 140-150 กม./ชม. เพียงพอต่อการเดินทางไกลได้แบบสบาย ๆ เช่นกัน 

ช่วงล่างอัปเกรดใหม่พร้อมลุย 

ตัวรถออกแบบเฟรมมาใหม่ ใช้เฟรมเหล็กคู่แบบสปาร์มีความแข็งแกร่ง ออกแบบมาให้ไม่กว้างจนเกินไปเพื่อที่ขณะขี่ในท่ายืน จะสามารถควบคุมรถได้ดีขึ้น และมีความสมดุลที่มากขึ้นจากตัวเก่า 

โดยจุดเด่นของโมเดลนี้เลยก็คือระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Up Side Down จาก SHOWA ขนาด 43 มม. ด้านหลังเป็นแบบโช้คเดี่ยวพร้อมกระเดื่องทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม การร่วมมือกับแบรนด์อย่าง SHOWA ทำให้สมรรถนะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  

หลังได้ลองขับขี่ สัมผัสได้ว่าการเก็บรายละเอียดของช่วงล่างทำได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ในเส้นทาง On-Road การเข้าออกโค้งทำได้เนียนไม่มีอาการโยนหรือควบคุมยาก ส่วน Off-Road เส้นทางในสไตล์เอ็นดูโรดันเนินชนหินก้อนใหญ่ ๆ เก็บเรียบเอาอยู่หมด การเข้าโค้งถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับรถ Big Enduro ให้ความรู้สึกมั่นใจสุดกับทุก ๆ เส้นทางสำหรับช่วงล่างชุดนี้้ 

ระบบเบรกของโมเดลนี้ด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 320 มม. กับคาลิเปอร์แบบ 2 สูบ ขณะที่ด้านหลังเองก็จะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 270 มม.กับคาลิเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยว พร้อมระบบเบรก ABS แบบ 2 ทิศทาง เปิดปิดได้  

จากการใช้งานถือว่าไล่น้ำหนักเบรกมาได้ดี สามารถควบคุมได้ง่ายหนึบเอาอยู่ และการที่สามารถปิด ABS ได้ที่ล้อหลัง ทำให้เมื่อต้องการสนุกในป่าก็สามารถทำได้ สามารถเบรกสไลด์ได้มันสุด ๆ 

 รีวิว Himalayan 450

วงล้อแบบซี่ลวด ด้านหน้าขนาด 21 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว มาพร้อมกับยาง CEAT GRIPP XL RAD Steel มียางหน้าขนาด 90/90-21 หลัง 140/80 R 17 เป็นขนาดวงล้อที่เหมาะสำหรับการลุยในสไตล์รถเอ็นดูโร สามารถตอบสนองการใช้งานในทางดำได้แบบสบาย ๆ ยางกึ่งที่ทำหน้าที่ในทางดินได้ดีมาก ๆ แบบไม่น่าเชื่อ ไม่มีอาการลื่นไถลของล้อหน้า 

ส่วนในเรื่องของเทคโนโลยีนั้นที่เด่นเลยคือ หน้าจอ Tripper Dash เป็นเรือนไมล์ทรงกลมสีแบบ TFT ขนาด 4 นิ้ว พร้อมบอกข้อมูลอย่างครบคัน และครั้งแรกของโลกที่มีแผนที่ของระบบนำทางแบบเต็มระบบจาก Google Map ติดตั้งไว้บนจอทรงกลมขนาดใหญ่ ควบคุมผ่านจอยสติ๊กที่ประกับทางซ้ายมือ และสามารถปรับแสงอัตโนมัติได้ตามสภาพแสง ทำให้ใช้งานง่าย มองเห็นได้เด่นชัด รวมถึงยังสามารถข้อมูลได้อย่างครบคัน 

ระบบคันเร่งไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมดให้เลือกใช้ตามสภาพเส้นทางและความชอบของตัวคุณ นอกจากนี้ยังมีพอร์ตชาร์จไฟแบบ Type C ด้านใต้แฮนด์บาร์ ทำให้สะดวกสบายต่อการใช้งานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย 

มิติตัวรถพร้อมลุย  

รีวิว Himalayan 450

โมเดลนี้มีความสูงเบาะ 825-845 มม. สามารถปรับระดับได้ มาพร้องออฟชั่นเสริมเบาะความสูง 805 มม. โดยความสูงมาตรฐาน จากการสังเกตจากนักทดสอบที่มีรูปร่างเล็กกว่าผมที่ 165 -170 ซม. ก็สามารถคร่อมรถและวางเท้าได้อย่างมั่นใจ ดังนั้นความสูงอาจจะไม่ใช่ปัญหา ส่วนน้ำหนักตัวรถ 196 กก. ก็ไม่ได้มากจนเกินไป ทำให้ไม่เป็นภาระมากนักเวลาขับขี่  

ท่านั่งขับขี่นั้นถือว่ามีความกระชับ ยื่นแขนไปจับแฮนด์ได้ไม่ต้องก้ม หลังตรง เบาะนุ่มนั่งสบาย ตัวถังเพรียวบางทำให้มั่นใจในการหนีบรถเข้าโค้งเพื่อทำความเร็วสูง ๆ ขณะที่ท่ายืน แฮนด์ยกสูงกว้างกำลังดี แต่ปรับองศาแฮนด์อีกนิดก็จะสามารถลุยได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ตัวถังบางเบาหิ้วรถง่าย ถังน้ำมันเว้ารับเข่ายืนหนีบได้กระชับกำลังดี พักเท้าใหญ่แบบหนามสไตล์เอ็นดูโร ให้การควบคุมที่ดีไม่ลื่นและกระชับมั่นใจทุกเส้นทางง 

สรุป 

รีวิว Himalayan 450

หลังจากทดสอบแล้วมีหลายจุดที่น่าสนใจมาก โดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างจาก SHOWA ที่สามารถเก็บรายละเอียดการทำงานได้อย่างดี พร้อมยกระดับการขับขี่ Off-Road ขึ้นใน Level ที่สูงขึ้น เครื่องยนต์ขี่สนุกแรงบิดมาเต็มตั้งแต่ 3,000 รอบ ความเร็วปลายบนทางดำ 140-150 กม./ชม. ควบคุมได้ดีผ่านคันเร่งไฟฟ้า พละกำลังเครื่องยนต์มีพอใช้สำหรับการเดินทาง หรือถ้าจะนำมาลุยออฟโรดก็ทำได้สบาย ๆ มิติการควบคุมดีเยี่ยม น้ำหนักไม่เยอะ คนตัวเล็กขับได้สบาย ความสูงเบาะกำลังดี สูง 165-170 ซม.  

ขี่ได้สบาย ๆ ตัวรถบางเพรียวทำให้วางเท้าได้ง่าย ถือเป็นทางเลือกในการเริ่มต้นของไบค์เกอร์ที่ต้องการความท้าทายใหม่ ๆ ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยดีไซน์ความเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร คุ้มค่าแน่นอนกับราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 216,000 บาท (Kaza Brown 216,000 บาท, Slate Himalayan Salt 222,000 บาท และ Hanle Black 226,000 บาท) เมื่อพิจารณาออฟชั่นที่ได้ และสมรรถนะที่ดีแบบนี้  

 

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่