รีวิว New Horizon 300 ABS หล่อ แตกต่าง อัปเกรดแล้ว

รีวิว New Horizon 300 ABS หล่อ แตกต่าง อัพเกรดแล้ว

หนึ่งในแบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่ดีไซน์โดดเด่นสุด ๆ “อัลฟ่า โวแลนทิส” เพิ่มไลน์อัพออโตเมติค New Horizon 300 พ่วงรหัส ABS ปี 2025 ไว้อย่างน่าสนใจ ล่าสุดก็เริ่มส่งมอบรถรุ่นนี้ให้ลูกค้าในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย หลังจากทางแบรนด์ส่งรถมาให้ทีม MTC ทดสอบขับขี่ เราก็พบว่า ได้ข้อมูล บทสรุป 9 ประเด็น รีวิว New Horizon 300 ABS จากการใช้งานในเมืองและออกเดินทางเต็มทริป

สรุปแล้ว แฮนด์ลิ่งเป็นอย่างไร กินน้ำมันแค่ไหน วิ่งเท่าไหร่ MTC จัดให้อย่างครบถ้วน ตามนี้!!

1.สีใหม่ สวยขึ้น!!

เวอร์ชั่น 2025 มาพร้อมลายกราฟิกใหม่ Tech Wear Graphic เสริมความคมเข้มให้กับตัวรถ ดูแล้วไปกันได้สวยกับบอดี้ที่เป็นรถโมเดิร์นคลาสสิกสไตล์เท่ ออกไปวิ่งตามท้องถนน บอกเลยว่าสวยสะดุดตา เพื่อนร่วมทางมีเหลียวมองแน่นอน สำหรับคันที่เรารีวิว คือรุ่นสี Dark Titanium Silver Metallic ตัดด้วยพาร์ทและกราฟิกสีเขียว Lucent Green ได้อย่างเหมาะเจาะ ส่วนอีกสีที่ออกมาจำหน่ายพร้อมกันเป็นรุ่นแดง Plasma Red Candy

2.ดีไซน์เฉพาะตัว รายละเอียดโคตรใส่ใจ

ในเรื่องการออกแบบ ต้องยอมรับว่า New Horizon 300 ABS แหวกแนวออกมาจากกลุ่มรถโมเดิร์นคลาสสิก คลาส 300 พอสมควร งานดีไซน์ตั้งใจมากกับการใส่รายละเอียดความสปอร์ตพรีเมียมไว้ได้อย่างแตกต่างรอบคัน

ไฟหน้าทรงกลม มีแก๊ปเท่ ๆ พร้อมใช้หลอด LED ภายในโคมแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ตรงกลางมีแถบไฟ DRL มาให้ด้วย จากการลองใช้งานกลางคืนพบว่าระดับของการส่องสว่างและจุดโฟกัสค่อนข้างต่ำ ส่องชัดในระยะใช้พอดีครับ ไฟต่ำเดิม ๆ อยู่เลยไม่ต้องจูน แต่ไฟสูงถือว่าขี้เกรงใจไปนิด เพราะเปิดไฟสูงแล้วก็ยังรวมจุดโฟกัสของการฉายแสงไปตำแหน่งใกล้ ๆ กับไฟต่ำ กลายเป็นว่าพอเปิดไฟสูงก็เป็นการเพิ่มสว่างของไฟต่ำ แทนที่จะส่องไกลเหมือนไฟสูงทั่วไป ตรงนี้หากสามารถจูนให้ไฟสูงเชิดขึ้นอีกสักนิดคงจะดีมาก ๆ

ต่ำลงไปด้านหน้ายังมีชุดไฟ DRL ด้านล่างแถวกระจังหน้า ด้วยเชพแบบตัว V พร้อมไฟเลี้ยวหน้าแบบบิลด์อิน ให้มุมมองที่กลมกลืนไปกับชุดหน้าของตัวรถ

ด้านหลังเป็นชุดไฟท้าย LED ทรง V Shape เช่นกัน เมื่อกำเบรก ไฟเบรกจะเติมเต็มตัว V ทำให้ชุดท้ายดูสวยขึ้นมาอีกเลเวล

สำหรับแง่มุมความสปอร์ต มีการใส่พาร์ทเพื่อผลทางด้านแอโรไดนามิคมาเพียบ

เริ่มจากวิงเล็ทหน้า ซ้าย-ขวา ช่วยเพิ่มแรงกดด้านหน้า และมีผลพอสมควรสำหรับรถสกู๊ตเตอร์ล้อ 12 นิ้ว ซึ่งปกติจะหน้าเบาโดยธรรมชาติ

ต่ำลงไปมีชิ้นอันเดอร์การ์ด ซ้าย-ขวา ช่วยลดแรงลมหมุนใต้รถ

ใต้ที่นั่งคนขี่มี ช่องดักอากาศ ซ้าย-ขวา เพื่อดักให้ลมไหลผ่านตัวรถ สำหรับผลของการช่วยถ่ายเทความร้อนระบายอากาศให้กับเครื่องยนต์ได้อีกทาง

บอดี้ด้านข้างรถวางแนวในการรีดผ่านลมได้ดี เสริมด้วยพาร์ทชิ้นข้างทำหน้าที่เหมือนไซด์วิง รีดลมให้โฟลว์ผ่าน และยังมีชิ้นสปอยเลอร์หลังที่วางอยู่ต่ำลงไปจากท้ายเบาะเล็กน้อย

บอดี้ดีไซน์ที่กล่าวมา เมื่อขับขี่จริงก็พบว่าส่งผลต่อแอโรไดนามิคของตัวรถตามคอนเซ็ปต์การออกแบบ ซึ่งก็มีผลช่วยลดอาการหน้าเบา ลดการต้านลมได้ประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะการขี่เดินทางไกลที่ต้องปะทะกับลมตลอดทาง ทำให้ผู้ขี่เหนื่อยน้อยลง และกินมันน้อยลงกว่ารถสกู๊ตเตอร์ในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกบางรุ่น

3.การควบคุม

ในเรื่องการควบคุม ค่อนข้างยูนีค ให้ท่าการควบคุมที่ “เฉพาะตัว”มาก ๆ ตัวรถถือว่าไม่หนัก เพราะจัดอยู่ในคลาส 300 แต่หนักเพียง 138 กก.เท่านั้น

ช่วงแฮนด์กว้าง 800 มม. เข้ากันได้ดีกับขอบล้อเล็ก 12 นิ้ว ส่วนความสูงเบาะสูง 790 มม. บนเชพเบาะที่ตำแหน่งคนขี่ดีไซน์ให้กว้าง แต่ความกว้างตรงนี้คนร่างเล็กถ้าถอยนั่งเต็มก้น ก็อาจจะลงขาให้ถึงพื้นไม่เต็มนัก ส่วนเบาะคนซ้อนถ้าจะให้เหมาะควรมีเบาะแต่งแบบเชื่อมเป็นชิ้นเดียวน่าจะใช้งานได้สะดวกสบายกว่าดับเบิลซีทแบบเดิมๆติดรถ

ฟีลลิ่งการใช้งานเมือง Horizon 300 ABS คันนี้ เอาจริงก็คล่องตัวครับ ช่วงแฮนด์จะมีความลู่เข้าหากันเล็กน้อยให้ฟีลสปอร์ตเบาๆ ขับขี่ซอกแซกได้ดี

ฟลอร์บอร์ดเป็นอีกส่วนที่มี “จุดพักปลายเท้า” รองรับผู้ขี่ยืดเท้าวางเอียงได้เพราะทำมุมสโลปเอาไว้ให้นิดนึง ขี่ยาวๆก็พอช่วยลดอาการเมื่อยได้ ทั้งยังติดตั้งยางกันลื่นและมีสเปซให้ประยุกต์ใช้แบบเอนกประสงค์เช่นการวางสัมภาระลงไปได้หากจำเป็น ถือว่าเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้

4.เครื่องยนต์

ขุมพลัง สูบเดี่ยว SOHC 2 วาล์ว 276 ซีซี. 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ คาแรคเตอร์เครื่องยนต์บล็อคนี้ออกแนวดิบ ๆ อาการรอบเดินเบาจะมีการ Shake ให้รู้สึก และเมื่อบิดคันเร่งออกไปก็พบว่ามี “หน่วง” เล็กน้อยในรอบต้น ซึ่งน่าจะเป็นเพราะการออกแบบชดเชยการไม่มี TCS นั่นเอง จากนั้นย่านกำลังจะดีมาก ๆ ในรอบกลาง เร่งได้ติดมือและมีเรนจ์ค่อนข้างกว้าง แน่นอนเอาไปขี่ทริปก็ไม่มีปัญหากับเร่งแซงแบบฉับพลัน

รอบปลายมีให้ไหลวิ่งท็อปสปีด ทริปนี้ผมทำได้ 139 กม./ชม. ซึ่งก็อาจจะวิ่งได้มากกว่านี้หากสภาพแวดล้อมที่ไม่มีลมปะทะมากนัก

ส่วนอัตราการประหยัดน้ำมัน ทดลองวัดจากวิธีเติมเต็มถัง (ความจุ 9 ลิตร อยู่ใต้เบาะ) วิ่งใช้งานไป 84 กม. แล้วเติมคืนให้เต็ม พบว่าใช้น้ำมันไป 2.753 ลิตร นำระยะทางกับปริมาณน้ำมันมาคำนวณอัตราสิ้นเปลือง ได้ตัวเลข 30.51 กม./ลิตร จัดว่าประหยัดพอสมควรครับ เพราะเราใช้จริง ๆ ในสภาพจราจรและความเร็วที่หลากหลาย

5.ช่วงล่าง

โช้คหน้าคู่แบบเทเลสโคปิกธรรมดา ขนาดแกน 43 มม. โช้คหลังคู่ Coil Spring ให้ระยะยุบมาค่อนข้างเยอะ มีบางช่วงที่ขับขี่ซ้อนสองแล้วเจอหลุมหรือบั๊มพ์ ไม่พบอาการยันของโช้ค

ตัวโช้คหลังคู่สามารถยังปรับพรีโหลด แข็ง-อ่อนได้อีก 5 ระดับ จากที่ทดสอบผมว่าโช้คหลังนั้น ok แล้ว แต่โจทย์อยู่ที่โช้คหน้า เนื่องจากน้ำหนักของรถทิ้งไปด้านหลังเยอะ ทำให้อาการล้อหน้าเด้ง ๆ ให้รู้สึกตลอดเวลา ดังนั้นถ้าผมเป็นเจ้าของรถคันนี้ก็คงไปที่การเซ็ทอัพเกรดโช้คหน้าเป็นหลัก ซึ่งในเรื่องนี้ช่างบ้านเราปัจจุบันมีเก่งๆเยอะ ไม่น่ายาก

ส่วนยางติดรถ IRC NR77U สไตล์ยางกลมหน้ากว้าง ยางหน้าขนาด 120/70-12 ยางหลังขนาด 130/70-12 จากการใช้งานทริปนี้ไปร่วม ๆ 300 กม. บนสภาพทางหลากหลาย บอกได้ว่าคอมปาวด์มีความนุ่มนวลสูง อาการเกาะถนนในทริปที่เราเจตนาพาไปเลี้ยวโค้งถือว่าเอาตัวรอดได้ครับ

6.เบรก

การอัพเดทครั้งสำคัญของ New Horizon 300 เวอร์ชั่นล่าสุด คือระบบ ABS ที่ใส่เข้ามาเสริมความปลอดภัยจากการหยุดความเร็ว กล่าวคือเบรกหน้าคาลิเปอร์สูบคู่จับจานหน้า 220 มม. จานหลัง 200 มม.คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ได้รับการติดตั้งระบบ Antilock braking system จาก BOSCH แบรนด์ดังประเทศเยอรมนี

แน่นอนเราได้ทดลองทำสถานีเบรก จงใจลองใช้งานจริง ๆ พบว่าเบรกได้มั่นใจขึ้นอีกเลเวลกับสถานการณ์เบรกกะทันหัน และการทำงานของ ABS ชุดนี้ก็ละเอียดและตอบสนองเร็วได้ตามมาตรฐานครับ น้ำหนักเบรกของปั๊มบนก็ใช้งานได้ดี ไม่มีติดขัดอะไร

7.ฟังก์ชั่น

บนพื้นฐานของรถสายพาน CVT ความคาดหวังต่อเรื่อง “ฟังก์ชั่น” ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ New Horizon 300 ABS ก็เป็นรถที่มีฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานในระดับพอเหมาะ ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย

พอร์ต USB-A สองช่องที่เก๊ะฝั่งซ้ายที่ออกแบบให้อยู่ฝั่งบนๆของคอนโซน การวางตำแหน่งอยู่สูงสำหรับผมมองว่าเป็นข้อดีที่ไม่ต้องลากสายชาร์จยาวเกินไปหากเราติดตั้งโทรศัพท์มือถือ หรือติดจอแอนด์รอยด์เพื่อใช้ระบบ Car play

จอ LCD มัลติฟังก์ชั่น ให้มาแบบ “มินิมอล” สีสันแบ็คไลท์โทนฟ้าสวยงาม จากที่ลองใช้งานผมว่าจอนี้อ่านง่ายทั้งช่วงกลางวัน-กลางคืน แล้วก็ยังเซ็ททริปได้ 1 ทริป เปลี่ยนหน่วยระยะทางเป็น กิโลเมตรหรือไมล์ รวมถึงเช็คความเร็วสูงสุดที่ตัวรถจะเร็คคอร์ดเอาไว้ให้ได้ด้วย ทำโดยกดปุ่ม SET ทั้งคู่พร้อมกันค้างไว้ราวๆ 5 วินาที ตัวเลขความเร็วสูงสุดที่รถเรคคอร์ดไว้จะกระพริบโชว์ขึ้นมา

เบาะดับเบิลซีท แยกส่วน 2 ตอน ส่วนของคนขี่นุ่มและกว้าง ส่วนคนซ้อนมาแบบมินิมอล เป็นทรงเบาะที่ดูแปลกดี ส่วนการเปิดเบาะทำโดยเสียบดอกกุญแจที่เบ้าแล้วบิดไปทางซ้าย ไม่ซับซ้อนอะไร ด้านท้ายมี Grab Bar มือจับท้ายแบบบางให้คนนั่งซ้อนจับได้ถนัดมือ ดีไซน์แมตช์ไปกับตัวรถ

ใต้เบาะมี U-BOX กว้างมากพอให้ใส่หมวกกันน็อคแบบครึ่งใบได้

พักเท้าคนซ้อนนี่บอกเลยถูกใจมาก เพราะทำมาแบบปุ่มเตะออก เมื่อจะเปิดใช้งานเวลามีคนซ้อน ก็ไม่ต้องก้มลงไปง้างออก เพราะแค่เตะปุ่ม ตัวพักเท้าจะกางออกมาให้เลย เวลาจะเก็บก็แค่เอาเท้าไปกดแนบเข้ากับรถก็ทำได้ง่ายๆ

8.ข้อสังเกต

สำหรับการทดสอบ รีวิว New Horizon 300 ABS ในครั้งนี้ ตัวผู้ทดสอบเองก็มีข้อสังเกต สะท้อนจากการขับขี่ใช้งานจริงๆมาเล่าเพิ่มเติมดังนี้

-ความสูงท้องรถน้อยไปนิด ถ้าวิ่งในกทม. แล้วเจอระนาดชะลอความเร็ว ต้องระวังครับ โดยเฉพาะหากมีคนซ้อนหรือบรรทุกเยอะ
-หากเซ็ทอัพระบบกันสะเทือนแก้อาการล้อหน้ากระเด้ง กับการบาล๊านซ์จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถให้ลงตัวขึ้น จะทำให้รถรุ่นนี้น่าใช้ขึ้นมากๆ
-เบาะนั่งควรมีของแต่งแบบสโลป 2 ตอนที่ออกแบบให้คนซ้อนนั่งสบายมากกว่านี้ครับ
-รอบเดินเบาของตัวรถเดโมมีอาการสั่นค่อนข้างชัดเจน ก็คาดหวังว่าระบบเครื่องยนต์และชุดขับเคลื่อนจะได้รับการอัพเกรดในเจนฯ ต่อไปครับ

9.บทสรุป

สำหรับ New Horizon 300 ABS ราคาแนะนำ 129,900 บาท แต่ช่วงนี้ที่เรารีวิวนี้มีโปรโมชั่นส่วนลด 5,000 บาท เหลือ 124,900 บาทเท่านั้น ซึ่งผมมองว่ารถรุ่นนี้มีความโดดเด่นในด้านดีไซน์ที่สวยงามมีสไตล์ คอนเซ็ปต์ชัดเจน พละกำลังและฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานก็ให้มาขนาดกำลังเหมาะ ไม่น้อย ไม่มากเกินไปจนใช้ไม่หมด จัดว่าเป็นหนึ่งตัวเลือกคลาส 300 ที่แตกต่าง ไม่เหมือนใคร เป็นตัวของตัวเอง ถ้าชอบก็ลองไปสัมผัสดูครับ

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่