รีวิว Ninja 500 SE 2025

รีวิว Ninja 500 SE 2025 กับ 5 ประเด็นต้องรู้!!

รีวิว Ninja 500 SE 2025 กับ 5 ประเด็นต้องรู้!!

การเปิดตัวโมเดลใหม่ ซีรีส์ 500 ของยักษ์เขียวคาวาซากิ สร้างกระแสการกล่าวถึงมากมายในวงการบิ๊กไบค์บ้านเรา แต่ทางเดียวที่จะทำความเข้าใจรถรุ่นใหม่นี้ให้ถ่องแท้ คือการนำมาทดสอบขับขี่ สัมผัสรถให้ครบทุกแง่มุม และนี่คือ 5 ประเด็น รีวิว Ninja 500 SE 2025 สปอร์ตคันใหม่จาก Kawasaki ที่ทั้งซิ่งและเอาไปวิ่งใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีอีกต่างหาก

1.ภาพลักษณ์โครงสร้าง

รีวิว Ninja 500 SE 2025

เท่-ลงตัวมากขึ้น คือความรู้สึกที่ผู้ทดสอบมีต่อรูปลักษณ์ของ Ninja 500 SE คันนี้ เส้นสายการออกแบบเป็นพัฒนาการของตระกูลนินจาไซส์เล็กที่ปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์รถสปอร์ตยุคใหม่ตั้งแต่หน้าจรดท้าย ชุดแฟริ่งจัดทรงลดความเทอะทะออกไปเยอะ แต่ยังคงวางบอดี้พาร์ท มาครอบเฟรมได้อย่างสวยงาม (ถ้าเทียบกับตัว 400  ก็จะเห็นได้ว่าหน้าตาต่างกันชัดเจนครับ)

รีวิว Ninja 500 SE 2025

การปรับโฉมยังรวมถึงโครงสร้างเน้นน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงด้วยเมนเฟรมเหล็กกล้าไฮ-เทนไซล์แบบท่อซึ่งใช้พื้นฐานจากรถพิกัด 250 ซีซี. สิ่งที่คาวาซากิย้ำชัดเจนคือ Ninja 500 SE ใช้หลักการแชสซีส์สไตล์ซูเปอร์สปอร์ตในแบบ “ฐานล้อสั้น-สวิงอาร์มยาว” ส่งผลโดยตรงต่อความคล่องแคล่วและการมีจุดศูนย์ถ่วงสมดุลที่ดี การปะทะลมของแฟริ่งและตำแหน่งชิลด์หน้าก็มีส่วนรีดอากาศ-ตัดลมได้ดี ถือเป็นคุณสมบัติเด่นของเวอร์ชั่นนี้ก็ว่าได้

2.ขุมพลัง

สิ่งสำคัญของการอัพมาเป็นคลาส 500 คือคาวาซากิได้เพิ่มความจุกระบอกสูบของเครื่อง 2 สูบเรียงตัวเก่งขึ้นเป็น 451 ซีซี (มากกว่าบล็อคเดิม 52 ซีซี) ส่งผลให้ได้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 52 แรงม้าที่ 10,000 รอบ/นาที ตัวกระบอกสูบเป็นแบบไร้ปลอกและเคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เหมือนกับ Ninja ZX-10R และ Ninja ZX-6R พร้อมการอัปเกรดลูกสูบอลูมิเนียม

รีวิว Ninja 500 SE 2025
เพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบ และอัตราส่วนกำลังอัดที่ปรับแต่งมาใหม่ ทำให้คาแรคเตอร์ของย่านกำลังออกมาดีเยี่ยมตั้งแต่ ต้น กลางและปลาย เรียกว่าในเสี้ยวนาทีก็สามารถพารถจาก 0 ขึ้นไปในความเร็วเกิน 165 กม./ชม.ได้ง่าย ๆ  อย่างไรก็ตามการทดสอบทริปนี้ใช้รอบค่อนข้างสูงตลอดทาง ทำให้ได้ผลการกินน้ำมันเฉลี่ยได้อยู่ราว ๆ 18-20 กม./ลิตร เชื่อว่าหากเป็นการขับขี่ทั่ว ๆ ไปจะประหยัดกว่านี้อีกมากแน่นอน

3.มิติการควบคุม

รีวิว Ninja 500 SE 2025

โจทย์สืบเนื่องกับโครงสร้างที่เราตั้งใจจับอาการ คือ “มิติ-การควบคุม” ซึ่งเราให้น้ำหนักการทดสอบเป็นลำดับแรก ๆ ในเรื่องนี้ผมว่าคาวาซากิยังรักษามาตรฐานของแบรนด์ชั้นนำได้ดีครับ นั่นคือ ท่าขี่ ตำแหน่งการคอนโทรล Ninja 500 SE ดีไซน์มาให้เป็นสปอร์ตที่ขี่สบายมาก ๆ เลี้ยวคล่อง ทรงตัวดี ตำแหน่งแฮนด์สูง แต่จุดวางพักเท้าเยื้องข้างหน้าเล็กน้อย ระยะเทรลปรับมาที่ 92 มม. กับฐานล้อยาว 1,375 มม. น้ำหนักตัว 172 กก. (รวมของเหลว) ส่งผลชัด ๆ เมื่ออยู่กับรถนาน ๆ แล้วยังรู้สึกว่าผ่อนคลาย ไม่เมื่อยมากเหมือนรถซูเปอร์สปอร์ตทั่วไป

รีวิว Ninja 500 SE 2025
ความกว้างแฮนด์ 730 มม. มาพร้อมองศาแฮนด์ที่ถือว่าแคบ ดังนั้นการถ่ายเทน้ำหนักจากตัวคนขี่ลงไปที่แฮนด์จึงไม่ได้มากเหมือนรถที่บังคับหมอบ ผลคือไม่เมื่อย ส่วนความสูงเบาะ 785 มม. รองรับสรีระคนขี่รูปร่างเล็ก ๆ ได้และสามารถวางเท้าลงพื้นได้เกือบเต็มขา แต่ก็แอบรู้สึกว่านั่งลึกในหลุมอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน อย่างไรก็ตามจุดเด่นในด้านการควบคุมที่ลองแล้วประทับใจคือการเลี้ยวที่นินจา 500 เดิม ๆ คันนี้ทำได้ คม กระชับ จัดท่าทางเข้าโค้งได้ง่าย น่าจะตรงใจสายขี่เที่ยวเล่นโค้งเลยล่ะ

4.ระบบกันสะเทือนเบรก

รีวิว Ninja 500 SE 2025

ตอนที่รถเปิดตัวออกมา ประเด็นเรื่องช่วงล่างดูเหมือนจะกลายเป็นหัวข้อถกเถียงอภิปรายกันมากสุดจากคนที่มายืนมองรถ เนื่องจาก Ninja 500 SE ใช้โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิคธรรมดา โช้คหลังเดี่ยว แถมยังได้สวิงอาร์มเหล็กทรงกล่อง แต่ในมุมของคนที่ได้ขับขี่จริง หลังจากผ่านเส้นทาง “วังน้ำเขียว” ที่มีโจทย์ครบถ้วน ทั้งทางพัง ทางโค้งโลว์สปีด-ไฮสปีด พบว่าช่วงล่างที่ดูเหมือนไม่มีอะไร กลับให้ฟีลลิ่งที่นุ่มหนึบเกาะถนนได้ดีมาก

รีวิว Ninja 500 SE 2025

รีวิว Ninja 500 SE 2025
ช่วงยุบโช้คหน้าที่ระบุไว้ 120 มม. หลัง 130 มม. ให้ระยะที่ดีพอแม้จะตกหลุมแรง ๆ ก็ยังไม่รู้สึกถึงการยันของโช้ค   โดยเฉพาะการใช้งานช่วงความเร็วสูงเข้าไปในโค้งไฮสปีด พบว่าการซับแรงสะเทือนออกมาดี ไม่มีอาการ “สับ” ให้เสียว จุดนี้นับว่าเกินคาดเอาไว้มากทีเดียว


ทางด้านระบบเบรก ก็เป็นออปชันที่ถูกกล่าวถึงจากการใช้ดิสค์เบรกหน้าเดี่ยว จานดิสก์ 286 มม. ดิสค์หลัง 193 มม. พร้อม ABS 2 ชาแนล  แต่เมื่อทดสอบการทำงานของระบบเบรก พบว่าหยุดความเร็วได้ดีตามมาตรฐาน จังหวะการตัดอาการล้อล็อคก็ละเอียดตอบสนองเร็ว  สรุปว่าเบรกสอบผ่านครับ

5.ฟังก์ชั่น

ฟังก์ชั่นที่ใช้เวิร์คอย่างแรกคือ กุญแจรีโมท เทคโนโลยี KIPASS (Kawasaki Intelligent Proximity Activation Start System) ที่ใช้งานสะดวกง่ายดาย สามารถเปิดสวิตช์หลักและล็อคคอได้จากระยะไกล (เมื่อเราจอดรถหักหัวไปซ้ายสุด และพกพากุญแจรีโมทไว้ในกระเป๋า ระบบจะล็อคสวิตช์หลักให้อัตโนมัติ  เมื่อเข้าใกล้รถระยะ 1 เมตรก็จะปลดล็อคให้) คุณสมบัตินี้นับว่าเหนือกว่าคู่แข่งสปอร์ตคลาสเดียวกันจากทุกค่ายในตอนนี้เลย  จุดสังเกตยังมีที่ตัวรีโมทพกพา คาวาฯ ได้ซ่อนกุญแจสำหรับเปิดถังเพลิงมาให้ ถ้าทำแบบเปิดถังได้แบบคีย์เลสจะดีมาก ๆ

อีกจุดคือจอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ออกแบบได้สวย เห็นง่าย ให้การเซ็ทติ้งค่าสำคัญๆมาครบถ้วน
-เซ็ททริปได้ 2 ทริป
-เลือกดูอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ทั้งแบบเฉลี่ยและเรียลไทม์
-มีความเร็วเฉลี่ยและจำนวนเวลาในการใช้

-ดูแรงดันแบตเตอรี่ได้
-เลขเกียร์ เลขความเร็ว แถบวัดรอบโดดเด่น เห็นง่านย
-ปรับตั้งสีพื้นหลังได้ ความสว่างหน้าจอปรับอัตโนมัติ

-จอออกแบบให้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ “RIDEOLOGY THE APP” ผ่านบลูทูธ ซึ่งตัวเจ้าของรถจะสามารถสื่อสารกับตัวรถอย่างไร้สายได้

รีวิว Ninja 500 SE 2025

สุดท้ายคือกระจกมองข้างที่ออกแบบได้ดี สามารถพับก้านกระจกได้สะดวก

บทสรุป

รีวิว Ninja 500 SE 2025
จากการทดสอบขับขี่ รีวิว Ninja 500 SE ทริปนี้ ได้คำตอบว่านี่คือสปอร์ตคลาส 500 ที่พัฒนาออกมาได้ไม่ธรรมดา ขี่จริงแล้วพบข้อดีในหลายจุด องค์ประกอบที่ให้เมื่อนำใช้งานในสถานการณ์บนท้องถนนก็รองรับได้ครบถ้วน นับว่าเป็นรถที่สวยดูดีขี่ได้สนุกและเหมาะสำหรับสาวกนินจา Ninja หรือนักบิด Entry Level ที่ต้องการความคล่องตัว สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ราคาจำหน่าย 219,800 บาท คุ้มหรือไม่…อยู่ที่การใช้ของผู้ซื้อละครับ

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่