รีวิว PCX160 2025 มีดีมากกว่าแค่ความหล่อ
มีคอมเมนต์กันเข้ามามากมายว่าเปลี่ยนโฉมใหม่คราวนี้เจ้า PCX จะอัปแค่หน้าตาหรือพัฒนาด้านอื่น ๆ ให้ดีกว่าเดิมด้วย ทางเดียวที่จะรู้ได้คือจัดทริปขี่ รีวิว PCX160 2025 แบบเต็ม ๆ เพื่อค้นหาสมรรถนะมาตีแผ่ให้ครบด้าน…อยากรู้ข้อไหนตามมาอ่านกันได้เลย!!
ไม่ใช่แค่หล่อ
อย่างที่ทราบกันว่าโมเดลใหม่คันนี้ได้ถูกเปลี่ยนดีไซน์ไปทั้งคัน โดยเฉพาะรูปทรงของแฟริ่งที่ขยับเหลี่ยมเสริมมุมสปอร์ตดูแปลกตา จากการทดลองลองพาวิ่งออกทริปแล้วใช้ความเร็ว พบว่ามีผลต่อการพุ่งผ่านอากาศได้ดีมาก ๆ คอนเฟิร์มว่าเดิม ๆ หน้าไม่ส่ายและไม่ร่อน แม้ในความเร็วระดับท็อปสปีดรถก็ยังนิ่งเกินความคาดหมาย (ขณะเดียวกันหากมองจากตำแหน่งคนขี่ จะพบว่าครอบแฮนด์ติดตั้งมาเสริมให้ภาพลักษณ์ตัวรถดูดีขึ้น ให้มุมมองคล้ายตัว Forza350)
ส่วนไฟหน้า-ไฟท้าย ฮอนด้าสร้างเอกลักษณ์ใหม่ ด้านหน้ามาแบบ Victory Shape ให้มุมมองตัว V ของไฟ DRL เห็นแวบเดียวจำได้ทันที ที่สำคัญคือช่วงที่เราเจตนานำไปใช้งานช่วงกลางคืนเพื่อดูความสว่างและระดับไฟ ได้ข้อมูลว่าไฟหน้า All New PCX160 เวอร์ชั่น 2025 ให้แสงที่คมชัดกว้างไกลเหลือ ๆ แต่แอบมีข้อสังเกตเล็กน้อยว่าไฟต่ำปกติเชิดเล็กน้อย อาจจะแยงตารถสวนทางมาที่นั่งต่ำแบบเก๋ง ในจุดนี้ถ้าปรับต่ำลงมาได้จะเวิร์คกว่า
ขี่มันส์ขี่สนุก
ขุมพลังยังยืนหยัดที่ เครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาในสูตรลูกโต-ชักสั้น ( 60 มม. X 55.5 มม.) ปริมาตรกระบอกสูบ 157 ซีซี ซึ่งซ่อนกลเม็ดการดีไซน์ความสมูท Low Friction เอาไว้ทุกมิติ สืบเนื่องมาจากเวอร์ชั่นที่แล้ว
ฟีลลิ่งที่ได้ยังคงมีรอบต้น “ติดมือ” บิดมันส์ จากนั้นรับช่วงด้วยความสมูทย่านกลาง แล้วใช้เวลาปั่นรอบไปจนถึงรอบปลาย ที่สังเกตได้คือเครื่องยนต์เงียบ นิ่ง ตั้งแต่สตาร์ทไปจนย่านความเร็วสูง และการขับขี่ออกทริปกับรถคันนี้มีช่วงต้อง “เร่งแซง” ซึ่งก็ทำได้อย่างฉับพลันตามสั่ง
ส่วนเรื่องความเร็วสูงสุดหรือท็อปสปีดสำหรับเวอร์ชั่น 2025 ผมกดสุดได้ที่ 118 กม./ชม. และความเร็วก็ถูกจำกัดไว้แค่นั้น แม้จะลองปิด HSTC ก็ไม่มีผลให้ความเร็วเพิ่มขึ้น…คอนเฟิร์ม!!
ส่วนประเด็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทริปนี้ทำได้ 37.77 กม./ลิตร (ถังน้ำมันจุ 8.1 ลิตร) อยากบอกอีกนิดว่าหากใช้งานแบบทั่ว ๆ ไป ได้ความประหยัดดีกว่านี้อย่างแน่นอน
ควบคุมดีฟีลลิ่งชัด
ดีกว่าเดิม! ชัดเจน สำหรับการควบคุม ซึ่งเราแอบทราบมาว่า ฮอนด้าพัฒนาเมนเฟรมชิ้นใหม่มาล่วงหน้า ให้ผลที่ “จับต้องได้” ตลอดทริป ไม่ว่าจะเป็นความสมูท ความเบา ท่านั่งที่กระชับ มีสเปซในการคอนโทรลที่กว้าง แน่นอนว่าให้ความสบายมากขึ้นด้วย น้ำหนักรถพร้อมของเหลวยังคงอยู่ 133 กก. รองรับด้วยระยะฐานล้อ 1,313 มม. เสริมด้วยความสูงเบาะ 764 มม.และช่วงแฮนด์ 742 มม. ที่ได้รับการใส่ใจถึงการเป็นรถที่ใช้ดีทั้งในเมือง และขับขี่เดินทาง ข้อสังเกตสำหรับพื้นที่ฟุตบอร์ดที่มีระยะให้เลื่อนเท้าดีมาก ๆ คนร่างเล็กขี่ไม่ยาก แถมยังรองรับสรีระคนรูปร่างสูงได้อีกต่างหาก
แน่นอนว่าฟีลลิ่งของการขับขี่ทางโค้งซึ่งเราจงใจไปหาทางโค้งต่อเนื่องแถวน้ำตกสาลิกา จ.นครนายก เพื่อลองกันเน้น ๆ ได้คำตอบชัดเจนตรงนี้ว่า PCX160 2025 เป็นพรีเมียม เอ.ที.ในคลาส 160 ที่เข้าโค้งได้ดีไม่ด้อยกว่าใครในคลาสอย่างแน่นอน!
ช่วงล่างนุ่มหนึบ
ย้ำตรงนี้ว่า เวอร์ชั่น 2025 All New PCX160 ยังคงใช้ระบบดิสก์เบรกหน้า-หลัง แต่ใส่ ABS ระบบป้องกันล้อล็อคที่ล้อหน้าเท่านั้น จากการใช้งานในสถานการณ์จริงและตั้งใจวางสถานีทดสอบ พบว่าความคมและความแม่นยำในการหยุดความเร็ว โดยเฉพาะด้วยเทคนิคการเน้นน้ำหนักเบรกหน้าแล้วเติมน้ำหนักหลังให้ได้ตามสัดส่วน 70/30 สามารถหยุดรถได้ดีอย่างปลอดภัยแน่นอนครับ
ความประทับใจอีกจุดคือยาง Michelin City Grip หน้า 110/70-14 ยางหลัง 130/70-13 ให้ประสิทธิภาพเกาะถนนดีมาก โดยเฉพาะการเลี้ยวโค้งและการเบรกที่รู้สึกได้เลยว่ายางตัวนี้หนึบไม่ธรรมดา สำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องกำเบรกบ่อย ๆ ผมว่ามิชลินตอบโจทย์ แม้จะเป็นยางที่คอมปาวด์นุ่มและหมดไวกว่า แลกกับความเกาะถนนในหลาย ๆ สถานการณ์ถือว่าคุ้มครับ
สุดท้ายในเรื่องนี้คือช่วงล่าง โช้คหน้าเป็นเทเลสโคปิกธรรมดา และโช้คหลังคู่ธรรมดา (ไม่ได้เป็นแบบซับแทงค์ที่เปิดตัวในยุโรป) ฟีลลิ่งการขับขี่ในเมืองนุ่มนวลดีครับ การเอาไปเดินทางและขี่ความเร็วสูงก็ยังเก็บอาการสะเทือนได้ดี ในความรู้สึกของผู้ทดสอบอยากบอกว่ามั่นใจกว่ารุ่นก่อน ๆ ซะอีก
ฟังก์ชั่นทันสมัยตอบโจทย์
แน่นอนที่ชัดเจนที่สุดคือหน้าจอ TFT ใหม่ ขนาด 5 นิ้ว (ในรุ่น RoadSync) แสดงผลข้อมูลการขับขี่ครบครัน เซ็ททริปได้ 2 ทริป เซ็ทการโชว์อัตราสิ้นเปลืองได้ทั้งแบบเฉลี่ยและเรียลไทม์ แถมยังรองรับการเซ็ทติ้งในแต่ละฟังก์ชั่นได้ละเอียด เปลี่ยนอินเตอร์เฟซได้ 3 แบบ รวมถึงการเปลี่ยนสีแบ็คไลต์อัตโนมัติที่สะดวกง่ายดาย
จอรุ่นนี้เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Honda RoadSync เราลองใช้ฟังก์ชั่น รับสาย โทรเข้า-โทรออก ระบบนำทางสั่งการด้วยเสียง ก็ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนเลยครับ
นอกจากจอใหม่ก็ยังมีปะกับแฮนด์ใหม่พร้อม คอนโทรลเลอร์ฝั่งซ้าย เปลี่ยนมาใช้ แบบเดียวกับ Forza350 มีปุ่มควบคุม 4 ทิศทาง เสริมด้วยสวิทช์เปิดปิด HSTC ที่ติดใจคือปุ่มแตรและไฟเลี้ยวก็ต้องปรับตัวในการใช้งานกันพักนึง พอคล่องแล้วก็ไม่มีปัญหา
ฟังก์ชั่นที่ใช้แล้วชอบ ยังมี ฮอนด้า สมาร์ทคีย์ สตาร์ทรถ-ล็อคคอรถ คุมสวิทช์เปิดเบาะ / เปิดฝาถังเชื้อเพลิง จบในจุดเดียว ช่องใส่ของที่คอนโซนฝั่งซ้ายก็ได้ USB Type-C พร้อมขนาดช่องใส่ของที่ลึกและกว้างของช่องพอให้ใส่เพาเวอร์แบงค์และโทรศัพท์เล็ก ๆ ขณะชาร์จได้
คอนเฟิร์มอีกทีว่าพื้นที่ใต้เบาะของ All New PCX160 ขนาด 30 ลิตร สามารถใส่หมวกกันน็อกได้เต็มใบได้ 1 ใบ พร้อมที่ว่างอีกเยอะ แล้วยังมีซีทสต๊อปเปอร์ตัวช่วยให้เบาะค้างที่ถูกใจใช่เลย
ส่งท้าย
ถึงตรงนี้อยากย้ำทิ้งท้ายว่า All New PCX160 2025 มีให้เล่น 2 เวอร์ชั่น
– RoadSync TYPE มี 2 สี ได้แก่ น้ำเงิน Innovate Blue BLU และ แดง-ดำ Matt Red R-B ราคาแนะนำ 99,900 บาท
– STANDARD TYPE มี 3 สี ได้แก่ ดำ Matt Gunpowder Black BLK, น้ำเงิน-ดำ Victory Blue BUB และ เทา-ดำ Pearl Smoky Gray G-B ราคาแนะนำ 96,000 บาท
เรื่องสีสันคงแล้วแต่ชอบกับโฉลกของแต่ละคน…ทว่าถ้าถามผู้ทดสอบว่าเล่นรุ่นไหนดี..สั้น ๆ ตรงนี้ว่า RoadSync TYPE จบกว่า!
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
























