รีวิว Rebel 300 E-Clutch บนเส้นทางจริงทั้งในเมืองและทางไกล
ครั้งนี้เราจะทำการทดสอบครูเซอร์ในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกยอดนิยม หรือก็คือ รีวิว Honda Rebel 300 E-Clutch ที่กลับมาพร้อมกับการอัปเกรดครั้งสำคัญ ด้สยการนำเอาเทคโนโลยีจากรถ Bigbike อย่างระบบ E-Clutch (ระบบคลัตช์ออโต้) ลงมาใส่ในรถคลาส 300 ซีซี สเปคตัวรถยังคงพื้นฐานเดิมที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม กับสไตล์ที่ชัดเจน เพื่อค้นหาทุกแง่มุมของเทคโนโลยีอี-คลัตช์ในโมเดลใหม่คันนี้ โดยเราแบ่งการทดสอบเป็นการใช้งาน 2 รูปแบบสำคัญ ๆ คือการนำไปใช้งานในเมือง และการใช้งานออกทริปเดินทางไกล จะมีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างไร ลุยไปพร้อมกัน!
สุดเร้ากับสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก
![]() |
![]() |
ยังคงรูปลักษ์เดิมเพิ่มเติมความหล่อในบางมุมที่แอบซ่อนด้วย เทคโนโลยีใหม่ ๆ มาในสไตล์ครูสเซอร์ หรือว่าทรงช็อปเปอร์ที่เพื่อน ๆ รู้จักกัน โดดเด่นด้วยไฟหน้า ดวงกลมที่ซ่อนความโมเดิร์นแบบโปรเจคเตอร์ LED ไฟเลี้ยวและไฟท้ายก็เป็นแบบ Full LED รอบคัน เฟรมทรงไดมอน ท้ายลาด มาพร้อมเบาะสองตอน แยกกันระหว่างคนขับ กับคนซ้อน เบาะนุ่มสบายนั่งนาน ๆ ไม่เมื่อย ถังน้ำมันหยดน้ำขนาด 11.2 ลิตร เข้ากันกับตัวเฟรม บังโคลนหลังและท้ายขนาดใหญ่ทำให้ตัวรถดูแน่นดุดัน แฮนด์แฟลตบาร์ ไม่กว้างมากจนเกินไป ทำให้ตัวรถดูไม่เทอะทะเกินไป ยังใช้งานได้คล่องตัว เป็นทรงเดิมที่ดูโดดเด่นอยู่แล้ว และแน่นอนว่าสามารถไปปรับ Custom ให้เข้ากับสไตล์ของคุณได้อีกหลากหลายสไตล์ ซึ่งคนเล่นเค้ารู้กัน อะไหล่เพียบ
เครื่องยนต์พื้นฐานเดิมสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 286 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 25 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิด 23.86 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที บล็อคเครื่องยนต์ 300 series ที่มีเอกลักษ์โดดเด่นในด้านการใช้งานที่หลากหลาย มีอัตราการตอบสนองที่คล่องตัว อึด ถึก ทน ซ่อมง่าย อัตราเร่งดีขี่สนุกใช้งานในเมื่องถือว่าตอบโจทย์สุด ๆ มีพละกำลังพอให้เร่งแซงได้อย่างคล่องตัว
และเมื่อนำออกมาเดินทางไกล ความเร็วยืนพื้นที่ 100 -110 กม./ชม. ก็ทำได้สบาย ๆ ส่วนท็อปสปีดที่ทำได้ในทริปนี้ของผมก็อยู่ที่ 140 กม./ชม. โดยรวมจะเน้นเรื่องความคล่องตัวใช้งานในชีวิตประจำวันได้ ออกทริปสุดสัปดาห์ก็พร้อมลุย
ง่ายดายสบายกว่าที่เคย
ระบบคลัตช์ออโต้ หรืออี-คลัตช์ ถูกติดตั้งไว้ทางด้านฝั่งขวาของตัวรถบริเวณชุดคลัตช์ ถูกติดตั้งเพิ่มขึ้นมาไม่ได้ถูกบิลต์อินแต่อย่างใด โดยตัวระบบจะประกอบด้วย กล่องควบคุม มอเตอร์ 2 ตัว พร้อมชุดเฟืองที่จะเข้ามาช่วยจับคลัตช์แบบอัตโนมัติ โดยระบบจะทำงานร่วมกับกล่อง ECU ของตัวรถที่จะคำนวณเรื่องของการใช้เกียร์ รอบเครื่องยนต์ การใช้คลัตช์ ผ่านเซนเซอร์ในส่วนต่าง ๆ ก่อนที่จะส่งไปให้ กล่องควบคุมเพื่อไปสั่งการให้กับ มอเตอร์ทั้งสองตัวให้ทำงานจับคลัตช์ให้แบบอัตโนมัติ
อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ระบบจะช่วยกำคลัตช์ให้เราแบบอัตโนมัติ เรามีหน้าที่แค่บิดคันเร่งและเปลี่ยนเกียร์เท่านั้นเอง แต่ก็สามารถกลับมาใช้งานแบบแมนนวลได้เพียงแค่คุณกำคลัตช์ระบบก็จะตัดการทำงานของระบบแล้วเข้าสู่การใช้เกียร์และคลัตช์แบบปกติ แต่ถ้าคุณปล่อยคลัตช์ไปแล้วภายใน 5-10 วิ ระบบก็จะกลับมาพร้อมใช้งานอีกครั้ง
การใช้งาน
ตอนออกตัว บิดกุญแจ- สตาร์ทเครื่องยนต์ – เกียร์ว่าง สัญลักษณ์ E-Clutch (A สีเขียวบนเรือนไมล์) – ไม่ต้องกำคลัตช์ – เตะเกียร์ – บิดคันเร่ง = เตะแค่เกียร์ คลัตช์ไม่ต้องกำ บิดอย่างเดียว
ตอนจอด อยู่เกียร์ไหนก็ได้ 4,5,6 – ชะลอความเร็ว – เบรกหยุดรถไม่ต้องกำคลัตช์ – ลดเกียร์ลงตามความเหมาะสม = เตรียมออกตัวต่อ หรือจอดได้ทันที
ข้อดี
ข้อดีของระบบนี้มีหลายแง่มุมขึ้นอยู่ที่คุณใช้งานในรูปแบบไหน
การขับขี่ซอกแซกในเมือง จุดแรกที่ผมได้ทดสอบภายในเมืองคือการที่ต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัด การขับซอกแซกไปในการจราจรทำได้คล่องตัวขึ้น เพราะคุณไม่ต้องกังวลกับการกำคลัตช์ โฟกัสแค่การบังคับรถ ด้วยการทำงานที่มีความเสถียรทำให้กำลังเครื่องยนต์ไม่มีสะดุดบิดได้ต่อเนื่องความเร็วต่ำก็สามารถโฟกัสแค่การบาลานซ์รถ เพิ่มความปลอดภัยให้กับการขี่ได้มายิ่งขึ้น
การกลับรถ ด้วยรถในสไตล์ครุยเซอร์ที่มีวงเลี้ยวกว้าง การกลับรถถือเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะต้องกังวลกับการควบคุมทั้งคันเร่งและคลัตช์ แต่พอมีระบบนี้เข้ามาช่วยก็สามารถกลับรถได้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น ปลอดภัยต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
การใช้งานในชีวิตประจำวัน การที่คุณอาจจะต้องใช้รถที่มีคลัตช์ขับไปซื้อของจำเป็นต้องแขวนสัมภาระต่าง ๆ ที่แฮนด์แล้วต้องกำคลัตช์ไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย การที่มีระบบนี้ เข้ามาช่วยก็ทำให้การขับขี่พร้อมสัมภาระแบบนี้ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ๆ ซื้อแกง ไม่ต้องห่วงพะแนงแกงส้มต้มยำของแฟนคุณจะตกหกแตกอีกต่อไป
การเริ่มต้นกับรถมีคลัตช์ มือใหม่ที่กำลังสนใจเข้ามาเล่นรถมีคลัตช์ แต่ยังไม่มั่นใจ แต่ใจพร้อมแล้วเชิญทางนี้ได้เลย คุณสามารถเริ่มต้นกับรถทรงที่คุณชอบ ให้ฟีลลิ่งเดียวกับรถ Bigbike แต่สามารถขี่ได้แบบรถบ้านเกียร์วน ขี่ทำความคุ้นเคยกับขนาดรถระยะต่าง ๆ จนคุ้นเคยด้วยระบบนี้ จนคุ้นชินดีแล้วก็สามารถขยับมาจับคลัตช์ฝึกได้อย่างปลอดภัยต่างจากอดีตที่ถ้าหากคุณซื้อรถมีคลัตช์ไปฝึก ก็อาจจะมีความเสี่ยงสูงด้วยความไม่คุ้นเคยกับตัวรถ และทำให้คุณไม่กล้าใช้รถที่คุณได้ซื้อมาอีกด้วย
![]() |
![]() |
ส่วนเรื่องของช่วงล่างระบบกันสะเทือนหน้าโช้คเทเลสโคปิก ขนาด 41 มม.ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คหลังสปริงคู่ ถึงจะเป็นระช่วงล่างที่ดูแข็งแต่ได้ลองแล้ว หลุ่มบ่อเก็บได้หมดเนียนกว่าที่คิด ความเร็วสูงไม่ส่ายไม่สับนิ่ง เข้าโค้งได้หนึบไม่โยนเอาอยู่ในสไตล์โรดสเตอร์
![]() |
![]() |
ในเรื่องของระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 310 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรก Nissin 2 พอต ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรก Nissin 1 พอต มาพร้อมระบบ ABS แบบ 2 ชาแนล เพียงพอต่อแล้วต่อการใช้งาน ระยะเบรกดี ไล่น้ำหนักมาได้เหมาะสม ABS ตัดการทำงานละเอียด หนึบเอาอยู่ทุกสถานการณ์
วงล้อ ล้ออลูมิเนียม น้ำหนักเบาแข็งแรงมาพร้อมกับยาง IRC ขนาดยางหน้า 130/90 – 16 M/C 67H ยางหลัง 150/80 – 16 M/C 71H เป็นยางแบบ Tubeless ไม่มียางใน
เรือนไมล์ LCD ดิจิทัล ทรงกลมคลาสสิก ออกแบบให้เข้ากับตัวรถ บอกข้อมูลครบครัน
ท่านั่งการขับขี่
ถ้ายืนขับ เอ้ย !!! ถ้านั่งขับขี่แบบมีเดียมฟอร์เวิด ถึงจะอยู่ในทรงครูเซอร์ แต่ยังคงรักษาความสะดวกสบายใช้งานง่าย เบาะถอยไปด้านหลังก็จริง แต่พักเท้าไม่เยื่อนนั่งกึ่งรถสไตล์ทัวริ่ง หลังตรง แฮนด์ไม่ห่างตัวจับได้ง่าย ไม่ต้องก้มหรือเอื้อมมากจนเกินไป ขับขี่นาน ๆ ไกล ๆ ได้สบาย ๆ ควบคุมง่ายคล่องตัวสุด ด้วยความสูงเบาะที่ 690 มม.ที่สำคัญคือน้ำหนักรถรวมของเหลว 174 กก. ถือว่าเบา เมื่อรวมกับเรื่องเบาะนั่งที่ไม่สูง จึงไม่มีปัญหาอะไรเลยกับคนตัวเล็ก
สรุป
Rebel 300 E-Clutch คันนี้เป็นการพัตนาต่อยอดรถครูเซอร์ในคลาส 300 ซีซี ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยตลอดเวลาที่ผ่านมา 2 เจเนอเรชั่น การอัปเกรดครั้งสำคัญในครั้งนี้คือการผสมผสานความ โมเดิร์นคลาสสิก เข้ากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้เข้ากันอยู่ได้อย่างลงตัว เพื่อให้เข้าถึงการใช้งานที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้กับมือใหม่ที่กำลังอยากขยับเข้ามาใช้รถที่มีคลัตช์สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมือง และการทำเอาไปออกทริปเดินทางได้ ที่สำคัญคือสามารถคัสตอมตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ของคุณได้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เซอร์วิสง่าย อะไหล่เพียบ สำหรับราคาแนะนำที่ 159,900 บาท บอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่