รีวิว SLEEK EV Play 1.0 Pro แบตฯ 2 ก้อน แรงดี เทคโนโลยีล้ำ

รีวิว SLEEK EV Play 1.0 Pro แบตฯ 2 ก้อน แรงดี เทคโนโลยีล้ำ

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Proล่าสุดเรามีโอกาสทดสอบ-รีวิว SLEEK EV Play 1.0 Pro หนึ่งในมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นฮิต ที่จัดว่า “น่าใช้” ด้วยสเปคแน่น ๆ ตรงโจทย์คนเมือง และนี่คือ 7 เหตุผลต้องรู้!ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ Sleek EV Play 1.0 Pro

ทั้งนี้สลีค อีวี เป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคาแรคเตอร์โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาออกมาได้อย่างน่าสนใจมาก ขณะเดียวกันการสร้างสรรค์ตัวรถให้รองรับการขับขี่ใช้งานบนสภาพจราจรประเทศไทยก็ทำได้ดี

1.พลังขับเคลื่อน

ประเด็นนี้บอกเลยไม่ธรรมดา เพราะ Play 1.0 Pro ขับเคลื่อนผ่าน มอเตอร์ S Drive Brushless DC สไตล์ฮับมอเตอร์ที่ดุมล้อหลัง จากสเปคที่ทางแบรนด์ระบุมาคือ กำลังขับปกติ 3,000 W และรีดกำลังขับสูงสุดได้ถึง 8,600 W  ที่ทำให้ผมว้าวมากด้วย “ความพุ่ง” ของตัวรถโจนทะยานตอบสนองการบิดคันเร่งแบบทันควันด้วยแรงบิดสูงสุดขนาด  206.2 นิวตันเมตร  ขณะที่พละกำลังจุดพีค เทียบเป็นแรงม้าสูงสุด 12.26 แรงม้า แรงประมาณรถน้ำมันขนาด 160 ซีซี. ยังไงยังงั้น  ฟีลลิ่งการขี่จริงสนุก บิดเรียกความเร็วออกตัวได้ทันใจโคตร ๆ จนแอบก็รู้สึกเสียว ๆ ครับเพราะมันพุ่งมากโดยแทบไม่มีแรงต้าน

มีโหมดขับขี่ เลือกความแรงได้ 3 ระดับ 1-2-3 น้อยไปหามาก กดเลือกโหมดที่ปุ่ม M ตรงปะกับแฮนด์ฝั่งขวา โดยเป็นลักษณะการกดวนไป ไม่สามารถย้อนกลับได้

ทริปนี้กด Top Speed ได้ 90 กม./ชม. ในโหมด 3  ความเร็วปลายขนาดนี้ สำหรับผู้ทดสอบเอง มองว่าสมเหตุผลแล้วครับ เพราะรถ EV ที่แรงบิดจัด ๆ เผลอแป๊ปเดียวความเร็วขึ้นไปแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าไม่ล็อกความเร็วปลาย อาจจะอันตรายมากกว่าเกิดประโยชน์

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Proส่วนระยะทางสูงสุดที่ SLEEK EV เคลมไว้คือ 150 กม. เมื่อชาร์จ 100% แต่จากที่ลองใช้จริง ๆ บิดไปถึงความเร็วปลายและเร่งออกตัวหลายสเตชั่น ก็พบว่าระยะทางลดลงตามความดุเดือดของคันเร่งเรานะ ยึดตามตัวเลขเคลมเป๊ะ ๆ ไม่ได้ครับ แต่ก็ยังได้ระยะทางมากกว่ารุ่นธรรมดาอยู่ดี
Play 1.0 Pro มีโหมดเกียร์ถอยหลัง โดยการกดปุ่ม R ที่ปะกับเร่งด้านซ้ายแล้วบิดคันเร่ง จะว่าไปรถไฟฟ้าแบบฮับมอเตอร์แบบนี้ ก็ช่วยลดปัญหามอเตอร์พังจากการฝืนเข็นย้อนกลับได้ดีครับ

การขับเคลื่อนทั้งหมดควบคุมโดย “คอนโทรลเลอร์ S Drive 1.0” ซึ่งมีชิพอัจฉริยะส่งข้อมูลรถไปวิเคราะห์แล้วนำไปปรับปรุงพัฒนาระบบ รวมทั้งทำให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ขณะที่ตัวซอฟท์แวร์ก็มีระบบอัปเดตแบบ Over The Air ที่จะอัปเดทอย่างสม่ำเสมอ จุดนี้เป็นความโดดเด่นของ SLEEK EV จริงๆ

2.แบตเตอรี่ 

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา คือแหล่งพลังงานที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แรงดัน 74 V ขนาด 28 AH (ในรุ่น Pro ใช้ 2 ลูก) ผลิตโดยบริษัทในเครือของ CATL และ ATL ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า
แบตเตอรี่รุ่นนี้มีระบบจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะ (BMS) พร้อมฟังก์ชันความปลอดภัย สามารถส่งข้อมูลไปยังแอปและฐานข้อมูลเพื่อการแก้ไขปัญหา มีซิมเพื่อเชื่อมการทำงานกับ GPS ทำให้ระบุตัวตนเจ้าของแบตฯและเช็คได้ว่าแบตเตอรี่อยู่ในพิกัดใดขณะใช้งาน ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน UNR136

มีระบบฟาสท์ชาร์จ 1 ชม.(เสาชาร์จขนาด 20 แอมป์) โดยสามารถเลือกสถานีชาร์จใกล้บ้านได้จากการดูในแอพ SLEEK EV (ใช้ระบบเติมเงินหรือจ่ายรายเดือนได้ผ่านแอพ)  ส่วนการชาร์จไฟบ้านปกติ ใช้เวลาประมาณ 3.5 ชม. โดยเสียบชาร์จผ่านอแดปเตอร์ 15 แอมป์ ที่แถมมาให้กับตัวรถ โดยในการทดสอบครั้งนี้ เราเลือกเดินทางไปชาร์จที่สถานีชาร์จในปั๊ม ปตท. ถนนเทพรักษ์ ย่านบางเขน-สายไหม ซึ่งก่อนไปยังสามารถเช็คในแอพได้ว่าเสาชาร์จว่างหรือไม่

และที่สำคัญคือทางแบรนด์ให้การรับประกันแบตเตอรี่รุ่น Pro นานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว

3.มิติการขับขี่

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Proด้วยพื้นฐานของรถสไตล์ ซิตี้ยูซ มิติของ Play 1.0 Pro จึงมีความเล็ก กระชับ เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่หลายไซส์ ระยะแฮนด์กว้างเพียง 700 มม. มุดได้สบาย  ระยะฐานล้อ 1,306 มม.ก็ไม่สั้นเกินไป ทำให้ความสเถียรของตัวรถยังดีอยู่

น้ำหนักรถ 117 กก. ไม่รวมแบต (แบต 2 ลูกในรุ่น Pro จะเพิ่มน้ำหนักอีก 26 กก.) ด้วยความหนักระดับนี้ มีเหตุผลต่อความนิ่งของตัวรถ เพราะมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขับฮับมอเตอร์จะพุ่งมาก หากรถเบาเกินไป อาจเกิดความไม่ปลอดภัยได้ และจากที่ทดสอบมา น้ำหนักของ Play Pro 1.0  ถือว่ากำลังเหมาะแล้วครับ ขณะที่น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 150 กก. ถือว่ารองรับการใช้งานทั้งโดยสารคนหรือส่งของได้สบาย ๆ

อีก 1 จุดที่น่าสนใจคือการใช้ ขอบล้อหน้า-หลัง ขนาด 12 นิ้ว  โดยคันที่ทดสอบใส่ยางหน้า 110/70-12 ยางหลัง 120/70-12 ฟีลลิ่งดีกว่ารถล้อเล็ก ลดความไวของล้อได้อีกประมาณหนึ่ง ซึ่งก็ปลอดภัยกว่า ฟีลลิ่งการขับขี่ดีกว่านั่นเอง

4.ฟังก์ชั่น

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Pro

ออปชั่น-ฟังก์ชั่น นับว่าครบถ้วนและเพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะการให้ ดิสก์เบรกหน้า-หลังพร้อมระบบ CBS คอมบายเบรก เฉลี่ยแรงเบรก (เมื่อใช้งานเบรก ต้องคืนคันเร่งให้สุด) ฟีลลิ่งการตอบสนองสั่งเบรกถือทำได้ดีครับ ฝึกใช้คอมบายเบรกให้คล่องๆ  ก็ฉลุย

ถัดมาเป็นกุญแจแบบดอก และ Remote ซึ่งใช้งานร่วมกัน โดยจะเลือกเสียบกุญแจแล้วสั่งการผ่านแป้นหมุน หรือจะสั่งงานโดยกดปุ่มรูปกุญแจปลดล็อคที่รีโมท ให้ออนระบบรถก็ทำได้ไม่ยาก และยังกดปุ่มรีโมทเพื่อเรียกให้รถของเราแสดงตัวหากจอดในที่มืดหรือจอดปนกับรถคันอื่น ๆ จนหาตัวไม่เจอ รวมถึงใช้รีโมท (กดปุ่ม4เหลี่ยมผืนผ้าด้านล่าง) เพื่อเปิดเบาะ สำหรับใช้งานพื้นที่ใต้เบาะและจัดการชาร์จแบตเตอรี่ ก็สะดวกง่ายดาย

ทางด้านหน้าปัด ให้จอ LCD ขนาดใหญ่ เมื่อเปิดระบบมา หน้าจอจะโชว์สถานะของรถ โดยเฉพาะสัญลักษณ์ตัว P ที่บ่งบอกว่าอยู่ในโหมดพาร์คกิ้ง และเราต้องกดปุ่ม P เพื่อเข้าให้จอด้านบนโชว์ Ready  จากนั้นก็เลือกระดับความเร็ว 1-2-3 ได้จากปุ่ม M ที่ปะกับแฮนด์ฝั่งขวา แล้วบิดคันเร่งออกตัวได้

เมื่อออกวิ่งไปแล้ว เลขความเร็วตรงกลางจะเด่นชัดสุด  ส่วนระดับแบตเตอรี่ทั้งสองลูกอยู่ล่างซ้าย  ส่วนฝั่งขวาล่างเป็นระยะทางสะสมหรือทริปที่จะเริ่มรันใหม่ทุกครั้งเมื่อเริ่มใช้งานรถ  ขณะที่สัญลักษณ์ด้านบนยังมีแจ้งเตือนที่สำคัญ เช่นหากลืมปิดเบาะนั่ง รวมทั้งแจ้งเตือนการเชื่อมต่อตัวรถกับโทรศัพท์

รถคันนี้มีปุ่มเกียร์ R อยู่ที่ปะกับแฮนด์ฝั่งซ้าย ซึ่งถือว่าเป็นของจำเป็นเพราะระบบฮับมอเตอร์หากมีการเข็นถอยหลังบ่อย ๆ อาจจะส่งผลให้มอเตอร์เสียหายได้ การใช้งานปุ่ม R ก็แค่กดแช่พร้อม ๆ กับบิดคันเร่งเบา ๆ รถก็ถอยหลังให้แล้วครับ

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Pro

ระบบไฟ Full LED ดีไซน์เก๋ดี ด้านบนตำแหน่งหัวรถเป็นชุดไฟหรี่ และไฟเลี้ยวแบบบิลด์อิน ขณะที่โคมไฟหลักเป็นไฟลูกแก้ว LED โปรเจ็คเตอร์ 3 ดวง อยู่ด้านล่าง โดยสามารถเลื่อนสวิทช์ที่ปะกับแฮนด์ด้านขวาเพื่อเลือกการใช้ไฟส่องสว่างแบบ Auto ได้  ส่วนระบบไฟท้ายและไฟเลี้ยวบิลด์อิน จัดว่าสวยงามและโดดเด่น เป็นประโยชน์ในเรื่องความปลอดภัยเมื่อใช้งานบนถนน

รถคันนี้สามารถเปิดใต้เบาะได้ 3 ทางเลือก คือที่เบ้ากุญแจ ที่รีโมท และ ที่แอพฯ ถ้าเบาะเปิดอยู่จะมีสัญลักษณ์แจ้งเตือนทั้งในแอพและหน้าจอ ใต้เบาะแบ่งเป็น 2 ส่วน ด้านหน้าบรรจุแบต 2 ลูก และมีสเปซ U-box สำหรับใส่อแดปเตอร์หรือสัมภาระได้อีกประมาณหนึ่ง

5.แอพพลิเคชั่น SLEEK EV

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Pro

เป็นหนึ่งความเหนือชั้นของ SLEEK EV ที่พัฒนามาได้ดีเยี่ยม เชื่อมต่อง่าย ฟังก์ชั่นในแอพฯเท่าที่ลองใช้ก็สะดวกง่ายดาย  สั่ง On ระบบพร้อมขี่ได้ สั่งปิดระบบ สั่งเปิดเบาะได้ หรือจะเช็คประวัติการใช้งาน ค้นหาตำแหน่งที่รถอยู่  แน่นอนว่ามีฟังก์ชั่นเช็คสถานะแบต เลือกวิธีการเติมเงินชาร์จแบต และอัพเดทการชาร์จแบบเรียลไทม์ เช็คสถานะการเข้าเซอร์วิส เป็นเหมือนคู่มือรถในตัว

แถมยังมีฟังก์ชั่นวิเคราะห์รถของเราเพื่อเช็คก่อนออกขับขี่ว่ามีปัญหาตรงไหน…ชอบมาก ๆ อยากให้ค่ายอื่น ๆ ทำแบบนี้บ้าง

6.มีให้เลือก 6 สี

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Pro

ตัวเลือกด้านสีสัน ถือว่าจัดมาไม่น้อยเลย เพราะนอกจากสีชมพู Plasma Pink คันที่เรารีวิวแล้ว ยังมีให้เลือกอีก 5 สี ได้แก่ ขาว  Ghost White, ส้ม Orange Dusk, น้ำเงิน ion Blue, เทา Stardust Grey, ดำ Stardust Black กับราคาค่าตัวเปิดไว้ที่ 59,900 บาท

7.สรุป

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Pro

หลังจากการ รีวิว SLEEK EV Play 1.0 Pro ครั้งนี้ เราได้ข้อสรุปว่า นี่คือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและวางโครงสร้างซอฟท์แวร์ออกมาได้ทันสมัยมาก ๆ อีกทั้งระบบชาร์จ สามารถชาร์จได้ทั้งไฟบ้านผ่านอแดปเตอร์ 15 แอมป์ และสถานีชาร์จ ( 20 แอมป์) ได้ถึง 6 แห่งใน กทม. พร้อมกับกำลังมีการขยายจำนวนขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ถือว่า SLEEK EV สร้างความรับรู้ต่อผู้ใช้ EV อยู่ในระดับแถวหน้าของบ้านเรา

รีวิว Sleek EV Play 1.0 Pro

ส่วนเรื่องความมาตรฐาน ในด้านมาตรฐานกันน้ำ คอนโทรลเลอร์, มอเตอร์, จอดิจิตอล, แบตเตอรี่ อยู่ในระดับ IP67 และการรับประกันตัวรถ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, มอเตอร์, กล่องควบคุม, ภายในระยะเวลา 5 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร ขณะที่การรับประกันแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน (Pro) รับประกันภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

องก์ประกอบที่ว่ามาทั้งหมดนี้ SLEEK EV Play 1.0 Pro มีพื้นฐานที่แน่นหนาต่อการพัฒนาโปรดักท์รุ่นใหม่ของ SLEEK EV ในอนาคตได้ดีเลยล่ะ ขณะที่สมรรถนะของตัวรถรุ่นนี้ก็เพียงพอและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้จริง ๆ

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่