รีวิว Speed Twin 1200 RS กับ 9 ข้อต้องรู้

เสน่ห์ของมอเตอร์ไซค์อังกฤษ ยังคงถูกรักษาไว้อย่างเหนียวแน่นภายใต้ความภาคภูมิใจของ Triumph ที่เดินหน้าพัฒนารถในตระกูล Bonneville โมเดิร์นคลาสสิกออกมาอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะโมเดลใหม่ 2025 ที่บอกเลยว่า “เหนือธรรมดา” อย่าง สปีดทวิน 1200 RS จัดว่าเป็น “ตัวจบ” สปอร์ตไฟกลมสายพันธุ์อังกฤษเลยก็ว่าได้ และเราก็ไม่พลาดที่จะนำรถรุ่นนี้มาลองฟีลลิ่ง รีวิว Triumph Speed Twin 1200 RS ปี 2025 จับประเด็นมาให้อ่านกัน 9 ข้อครบ ๆ
ถ้าใครกำลังสนใจคันนี้อยู่..ลองอ่านดู..รับรองว่า “ได้เรื่อง”
1.สไตล์ การออกแบบ
ภาพลักษณ์ที่อ้างอิงได้ชัดเจนสุดของ Speed Twin 1200 RS คือความเป็น Modern Classic อัปเลเวล Performance Naked ด้วยหน้าตาแบบรถ “ผู้ชายสไตล์คลาสสิกร่วมสมัย” แต่ซ่อนประสิทธิภาพด้านสมรรถนะเอาไว้ทั่วร่าง
ความงามกลมกลืนไล่จากบังโคลนหน้าอะลูมิเนียมปัดเงา ขึ้นไปถึงไฟหน้าทรงกลม ซ่อนดีไซน์ด้วยไฟ DRL เท่ ๆ รอบดวง พร้อมกับวางเลเยอร์รูปใบพัด 4 แฉก แยกไฟสูงต่ำอย่างสวยงาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าใช้ชุดไฟต่ำ 2 ดวงซ้าย-ขวา ส่วนไฟสูงอยู่ด้านบน มุมมองการส่องสว่างก็กำลังเหมาะสำหรับท้องถนนเมืองไทยเรา
ไฟท้ายรูปทรงมินิมอล เข้าเซ็ทกับชุดบังโคลนหลังที่จัดทรงท้ายสั้นมาเสร็จสรรพ
ถังน้ำมันทรงสวยมาพร้อมลายกราฟิคและฟอนต์ RS สีทองที่สอดคล้องไปกับครีบระบายความร้อนบนฝาสูบ ทรงของถังน้ำมันรับกับเบาะนั่งทรงยาวแบบชิ้นเดียวเพรียวบาง ดูรวม ๆ แล้วหล่อ เพียว ไม่รุงรัง สมความเป็นผู้ดีอังกฤษ
2.มิติ การควบคุม
สิ่งที่สอดรับกับการออกแบบคือเรื่อง “มิติ” ที่ไทรอัมพ์ทำได้ดีเยี่ยมตั้งแต่งานออกแบบเมนเฟรมเหล็กกล้าเปลคู่ ซึ่งพัฒนามาเพื่อความคอมแพ็คและกำหนดจุดติดตั้งเครื่องยนต์ให้บาลานซ์ที่สุด เพื่อการควบคุมที่ “เอาอยู่” บนพื้นฐานของการเป็นรถขนาด 1200 ซีซี.
จะเห็นว่ารถรุ่นนี้ใช้เฟรมเหล็ก แต่เลือกสวิงอาร์มอลูมิเนียมเข้ามาเป็นส่วนผสมของพาร์ทที่มีผลต่อการทรงตัว รวมถึงลดภาระด้านน้ำหนักรถที่ต้องไม่ “หนักเวอร์” และเชพของสวิงอาร์มก็ดูดีกำลังเหมาะ ไม่ทื่อแบบรถคลาสสิกแท้ ๆ
คาแรคเตอร์ด้านการควบคุมของ Speed Twin 1200 RS แตกต่างไปจาก T120 อย่างโคตรชัด กล่าวคือ “ท่านั่ง” ของรถคันนี้มีลักษณะโน้มตัวไปข้างหน้า ให้ฟีลลิ่งเหมือนจะหมอบนิดๆ
แฮนด์กว้าง 792 มม.จับบนตุ๊กตาแฮนด์ที่ไม่สูงมากนัก ออกแบบแฮนด์บาร์ให้มีลักษณะลดต่ำลงในแบบ Nose Down และวางเยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย มิตินี้เข้าใจเลยว่าไทรอัมพ์ตั้งใจให้กลมกลืนกับท่านั่งซึ่งใช้พักเท้าคนขี่สไตล์เกียร์โยง วางเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อยเช่นกัน ผลคือได้ฟีลลิ่งการขี่แบบสปอร์ตที่ชัดเจน หมอบจัดท่าได้ง่าย เลี้ยวคม ให้ความคล่องตัวสูง
ทางด้านความสูงเบาะ ถือว่าไม่ต่ำและไม่สูงเกินไปด้วยตัวเลข 810 มม.จึงรองรับผู้ขับขี่ความสูงแบบ “เอเชียไซส์” ได้สบาย อย่างผู้ทดสอบเองก็สูง 160 ซม. เท่านั้น ไม่มีปัญหากับการขับขี่รถรุ่นนี้
อีกหนึ่งจุดที่น่าทึ่ง คือหากมองด้านข้างจะเห็นว่าเป็นรถคลาส 1200 ที่ “สั้น” มาก ๆ ด้วยระยะฐานล้อ เหมือนรถ 250 ซีซี คือ 1,414 มม. ส่วน Rake 22.6 º Trail 92 มม. นอกจากจะขี่เล่นโค้งได้สนุก ก็ยังเป็นองค์ประกอบในด้านมิติที่ครอบคลุมไปถึงการนำมาวิ่งซอกแซกใช้งานในเมืองได้ดีด้วย
สุดท้ายคือคำถามเรื่อง “น้ำหนักรวมของเหลว” ซึ่งลงเอยที่ตัวเลข 216 กก. สำหรับผู้ทดสอบเองอยากบอกว่าน้ำหนักขนาดนี้แหละ เป็นปัจจัยส่งเสริมในด้านการทรงตัว เพราะหากเบากว่านี้กับรถที่แรงขนาด 100 แรงม้า แถมแรงบิดก็หนักหน่วงมาก ๆ ในรอบแค่ 4,250 รอบ/นาที ก็อาจจะเซ็ทติ้งให้พอเหมาะสำหรับทุกคนได้ยาก..ดังนั้นน้ำหนักขนาดนี้ จึงนับเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสียครับ!!
3.เครื่องยนต์
“แรงจนเกือบล้น” น่าจะเป็นนิยามของ เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง รหัส HP (High Performance) แคมฯเดี่ยว SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว จุดระเบิด 270 องศา ลูกสูบใหญ่ถึง 97.6 มม. ช่วงชัก 80 มม. ปริมาตร 1,200 ซีซี. ที่ให้คาแรคเตอร์ย่านกำลังในระดับโคตรไว เรียกว่าบิดคันเร่งเล็กน้อย ม้าอังกฤษพันธุ์ดุก็พรวดพราดออกมาวิ่งโครมครามได้ในเสี้ยวนาที สเปคกำลังสูงสุด 105 แรงม้า @7,750 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุดมหาศาลขนาด 112 นิวตันเมตร ด้วยรอบต่ำแค่ 4250 รอบ/นาทีเท่านั้น แปรผันออกมาเป็นการตอบสนองคันเร่งที่กระฉับกระเฉง สนุกและเร้าใจในแบบ Performance Naked จริง ๆ
ท่อไอเสีย 2 ออก 2 ปลายยกแบบ Mega Phone รุ่นนี้ให้สุ้มเสียงเดิม ๆ ที่ดิบดุ หนักแน่นดีมาก ยิ่งช่วงขี่ในรอบสูงจะได้ยินเสียงคำรามในสไตล์ 2 สูบที่อิ่มสะใจ
หากจะให้นิยามขุมพลังความแรงได้ตรงจุดที่สุด ก็คงเป็นเรื่องการตอบสนองด้านความสนุก และความตื่นเต้น มากกว่าจะไปเค้นความเร็วสูงสุดอะไรแบบนั้น
4.เกียร์
หลายครั้งที่ทดสอบมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์แล้วรู้สึกถึงอารมณ์ของการสับเกียร์ที่สมูทมาก ๆ และก็ ยังคงสัมผัสได้กับชุดเกียร์ 6 สปีดของ 1200 RS ซึ่งเซ็ทระยะเกียร์ไว้ค่อนข้างชิด โดยเฉพาะ 3 เกียร์แรกฟีลลิ่งเกือบ ๆ จะเหมือนเกียร์รถสปอร์ตเลย
การใช้งานระบบเกียร์จับคู่มาพร้อม Triumph Shift Assist ควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง ที่ลองจับอาการแล้วพบว่าเวิร์คตั้งแต่รอบต่ำซึ่งเราสามารถเตะเปลี่ยนเกียร์แบบชอร์ตชิฟท์ได้เลย และก็ยังให้ความคล่องตัวในจังหวะเชนจ์เกียร์อัป-ดาวน์ได้ดีมากไปจนรอบสูง
5.ระบบอิเล็กทรอนิกส์
![]() |
![]() |
![]() |
ระบบคันเร่งไฟฟ้า Ride by Wire ทำงานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานที่ต้องมีในรถบิ๊กไบค์ยุคใหม่ทุกรุุ่น นั่นคือ Riding Mode ซึ่งใน Speed Twin 1200 RS ให้ไรดิ้งโหมด 3 ระดับ ได้แก่ Road, Rain, Sport แต่ละโหมดลองแล้วพบว่าไทรอัมพ์แมพปิ้งการตอบสนองคันเร่งไว้แตกต่างตามชื่อ ส่วนความเซ็นสิทีฟของระบบ Traction Control ก็อยู่ในระดับกำลังเหมาะครับ ข้อดีของโหมดที่ให้มา คือหากคุณเป็นมือใหม่ที่ยังต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ-ทำความคุ้นเคยกับตัวรถ ก็อาจเลือกโหมด Rain ใช้ไปก่อน เมื่อมั่นใจขี่รถได้เข้ามือมากขึ้นก็ค่อยขยับไปใช้ Mode ที่เหลือ โดยเฉพาะในโหมด Sport ที่จะปล่อยให้เราได้สนุกกับรถได้เต็มที่ตามทักษะการขับขี่ ซึ่งในทริปทดสอบนี้ ส่วนใหญ่เราก็อยู่กับโหมด S ครับ ขี่สนุกที่สุดแล้วใน 3 โหมด
6.ช่วงล่าง
ออปชั่นที่ให้มาสอดคล้องกับมิติและรองรับความแรงของตัวรถได้เหมาะเจาะที่สุดลงตัวสุด ๆ คือ “ระบบกันสะเทือน” ที่ ไทรอัมพ์ไม่มีกั๊กแต่จัดหนักให้มาแบบไม่ยั้ง
เริ่มจากคู่โช้คหน้าหัวกลับ Marzocchi ขนาดแกน 43 มม. มาพร้อมช่วงยุบค่อนข้างเยอะที่ 120 มม. ฟีลลิ่งเดิม ๆ โคตรหนึบ ทั้งการเข้าโค้ง และทำได้ดีมากกับการเก็บแรงเหวี่ยงตรงช่วงหน้าเวลาเจอบัมพ์ในความเร็วสูง โช้คหน้าชุดนี้ ถ้าใครขี่ในเซ็ทติ้งเดิม ๆ โรงงานแล้วรู้สึกว่ายังไม่พอ ก็สามารถปรับจูนได้ละเอียดครบครัน ทั้งค่า Pre-load, Compression และ Rebound
ส่วนโช้คหลัง เทพขึ้นไปอีกขั้นด้วยโช้คคู่จาก Öhlins พร้อมซับแทงค์ ช่วงยุบ 123 มม. ทำงานสัมพันธ์กับโช้คหน้าได้ดีเลิศแม้จุดยึดเข้ากับตัวสวิงอาร์มจะไม่มีระบบแขนกระเดื่อง แต่ก็ให้ฟีลลิ่งการเก็บแรงสะเทือนได้หมดจดทุกๆมิติ และแน่นอนโช้คหลังก็สามารถปรับได้ทั้งค่า Pre-load, Compression และ Rebound เช่นกัน
สุดท้ายคือ ยางที่ให้ Metzeler Racetec RR K3 รัดมาบนวงล้ออลูมิเนียม 7 ก้าน หน้า 17-3.5 นิ้ว หลัง 17- 5.0 นิ้ว ยางหน้าสเปค 120/70-17 ยางหลัง 160/60-17
ฟีลลิ่งยางตัวนี้ บอกเลยว่าถือว่าตอบโจทย์สายสปอร์ตได้ตรงตัวมาก คอมปาวด์นุ่ม เกาะ เลี้ยวได้มั่นใจ แน่นอนยางชุดนี้เอาไปลงแทรคเดย์ได้สบาย
7.ระบบเบรก
![]() |
![]() |
อีกหนึ่ง “ทีเด็ด” จาก Speed Twin 1200 RS คือระบบหยุดความเร็ว ที่เริ่มด้วยดิสก์เบรกหน้าคู่ จานดิสก์ 320 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์ Brembo Stylema M4.30 พ่วงมาด้วยระบบ OC-ABS (Optimised Cornering ABS)
เบรกหลัง ดิสก์เดี่ยว จานดิสก์ 220 มม. พร้อมคาลิเปอร์ Nissin สองลูกสูบ และระบบ OC-ABS (Optimised Cornering ABS)
ฟีลลิ่งการเบรกที่สัมผัสได้ บอกเลยว่า “สมราคา” ดีมาก ๆ ด้วยน้ำหนักเบรกให้การตอบสนองอย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่การกำก้านเบรกไปจนถึงจังหวะหยุดรถที่แม้จะมาเร็วแต่ก็เบรกอยู่ได้อย่างนิ่มนวล แถมยังได้ประโยชน์จาก OC-ABS ออปติไมซ์ คอร์เนอริ่ง เอบีเอส ที่เป็นตัวช่วยให้เราแต่งความเร็วในโค้งได้อย่างพอดีอีกด้วย
กรณีนี้ลองคิดดูว่าการขับขี่ในโค้งที่บางครั้ง โค้งไฮสปีดที่ความเร็วอาจจะ “ล้น” เข้ามา ระบบนี้ช่วยให้เราเบรกแต่งความเร็วเพื่อแก้สถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างปลอดภัยนั่นเองครับ และ OC-ABS ก็มีประโยชน์สำหรับการขับขี่ในแทรคด้วยเช่นกัน
8.ฟังก์ชั่น
แม้จะเป็น “สปอร์ตคลาสสิก” แต่ไทรอัมพ์ก็แอบใส่ฟังก์ชั่นตอบโจทย์การใช้งาน Speed Twin1200 RS มาไม่น้อย
ถังน้ำมันทรงสวย ความจุถังเชื้อเพลิง 14.5 ลิตร ตีรูปทรงถังให้มีตำแหน่งเว้าให้หนีบเข่า แต่ไม่ได้ใส่ Tank Pad มาให้ ก็น่าจะเพราะสไตล์ของโมเดลนี้
กระจกมองข้างแบบติดปลายแฮนด์ มองภายนอกอาจจะคิดว่ามาแบบมินิมอลไปมั้ย แต่การใช้งานจริงกระจกชุดนี้เล็กแต่เชปสวยและให้มุมมองที่แจ่มชัดดีมาก มองง่ายครับ
จอ TFT ข้อมูลครบ ความเร็ว รอบเครื่อง ระดับน้ำมัน มองง่าย ทุกสภาพแสง อย่างไรก็ตามก็ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับ My Triumph Modul เพื่อใช้ระบบนำทางแบบ Turn by Turn และยังมี ครูซคอนโทรล วัดแรงดันลมยาง รวมทั้งฮีทกริ๊ปให้แอดออนได้อีก
สำหรับการควบคุมสั่งการหน้าจอ ทำได้โดยใช้ ปุ่มแบบ 4 ทิศทาง และปุ่ม Enter บนปะกับแฮนด์ฝั่งซ้าย ส่วนปุ่มเลือกโหมด วางต่ำลงไปในตำแหน่งที่ใช้นิ้วโป้งกดได้พอดี เท่าที่ลองใช้งานก็พบว่าสะดวกง่ายดายดีครับ
ด้านซ้ายของเรือนหน้าปัด มีพอร์ท USB C ติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ จุดนี้ก็รองรับการใช้งานคู่กับ Smart Phone ของเราได้พอเหมาะเพราะไม่ต้องลากสายชาร์จยาวมากเกินไปแบบรถบางรุ่น
ทางค่ายยังมีแพ็คเกจอุปกรณ์เสริมอีกหลายอย่างให้ซื้อเพิ่ม โดยเฉพาะชุดแฮนด์จับโช้คและครอบเบาะทรงตูดมดที่จะอัพให้ตัวรถดูซิ่งขึ้นไปอีก และการติดตั้งก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก
9. สรุป รีวิว Speed Twin 1200 RS 2025
สำหรับโมเดลนี้มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ Baja Orange คันที่เรารีวิวนี้ และยังมี Sapphire Black เป็นทางเลือกสำหรับคนชอบความเข้มขรึม
ราคา 659,000 บาท กับความเป็นรถเพอร์ฟอแมนซ์สูง สไตล์เท่ เข้าถึงง่าย มิติดีมาก ช่วงล่างและเบรกดีเลิศ …อยากบอกคนรักสปอร์ตคลาสสิกว่า คันนี้ควรมีไว้ใช้งานอีก 1 โมเดลครับ เฟี้ยวจริง!!
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่





























