Skip to content
รีวิว SUZUKI EASY 115 กับ 5 ประเด็นน่าสนใจ
ถ้าไม่ได้ลอง..คงไม่รู้ ว่าแท้จริงแล้ว “ซูซูกิ” ซ่อนความน่าใช้ และสมรรถนะเอาไว้ในมอเตอร์ไซค์ CVT สไตล์สปอร์ตไซส์เล็กคันนี้อย่างมากมาย เพราะหลังจากลองขี่แบบเต็มฟีลไปเรียบร้อยกับการทดสอบ รีวิว SUZUKI EASY 115 เราก็มี “บทสรุป 5 เรื่อง” ตีแผ่รถคันนี้ครบทุกแง่มุมมาฝากคนที่กำลังสนใจ
 |
 |
ภาพลักษณ์สื่อมาในแนวสปอร์ต โทนสีแดง-ดำดูแล้วคมเข้มตามสไตล์ซูซูกิ ชื่อรุ่น EASY 115 มองเห็นได้ชัดเจนจากการวางไว้ด้านหน้าประกบชุดโคมไฟหน้า ซึ่งทำไฟเลี้ยวแบบบิลต์อินไทพ์เข้าเซ็ทมา ระบบไฟดูแล้วสวยงาม แม้ว่าจะใช้หลอดไส้ แต่ข้อดีคือราคาไม่แพง หาง่าย แถมความสว่างของแสงสีเหลืองก็มองเห็นได้ง่ายโดยเฉพาะการใช้ในสภาพฝนตก ระดับสูง-ต่ำของไฟ ทดลองแล้วพอดี ใช้ได้เลย ไม่ต้องจูนใหม่
คาแรคเตอร์ที่โดดเด่นอีกข้อคือตัวรถ EASY 115 แม้จะอยู่ในกลุ่มสปอร์ตออโตเมติคขนาดเล็กที่เน้นใช้ง่าย แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วย DNA มอเตอร์ไซค์ซูซูกิในทุกสัดส่วน…ว่ากันง่าย ๆ คือขี่แล้วดูเท่ แตกต่าง ไม่ซ้ำใคร
2.มิติ ฟีลลิ่งการควบคุม
รถรุ่นนี้ออกแบบให้รองรับการใช้งานของคนไซส์เล็ก ดังนั้น มิติจึงกระทัดรัด เหมาะคนร่างเล็ก-กลาง ความสูงท้องรถ 150 มม. ถือว่าน่าสนใจเพราะลุยน้ำเจิ่งถนนได้ ท่อยกสูง กรองสูง น้ำเข้าห้องคลัทช์ไม่วืดง่ายๆ
เบาะนั่งทรงสปอร์ตปาดให้เรียว ทำสโลปสำหรับคนซ้อน ความสูงเบาะ 740 มม. คร่อมแล้วลงเท้าได้เต็ม แต่ชุดแฮนด์ไม่เหมือนรถออโตเมติคทั่วไป เพราะเป็นแฮนด์ทรงกว้าง 765 มม. (แต่ความสูงไม่เท่า Nex Cross) ให้รัศมีวงเลี้ยว 2 มม. แฮนด์แบบนี้ขี่นาน ๆ เมื่อยน้อยกว่าแฮนด์สั้นนะครับ ตำแหน่งฟลอร์บอร์ดวางเท้าได้ค่อนข้างสบาย เวลานั่งขี่ปกติ ผู้ทดสอบสูง 160 ซม. หักเลี้ยวสุดไม่ติดเข่า ส่วนน้ำหนักตัวรถ 94 กก. จัดว่า เบา คล่องตัว ไม่เป็นภาระผู้ขับขี่
3.ขุมพลัง
เครื่องยนต์ สูบเดี่ยว แคมฯเดี่ยว SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ ลูกสูบ 51.0 มม. ช่วงชัก 55.2 มม. ปริมาตร 112.8 ซีซี มีคุณสมบัติที่ทดสอบแล้วอยากบอกว่า “เซอร์ไพรส์” กับแรงบิดที่ให้มาดีมาก อัตราเร่งก็ไม่ธรรมดา สังเกตตอนเร่งแซงคันเร่งยังส่งได้เหลือ ๆ สำหรับรถที่เครื่องยนต์เล็กขนาดนี้ซูซูกิทำได้ดีเยี่ยม
กลเม็ดอย่างหนึ่งของอีซี่คันนี้คือตัวเลขอัตราทดขั้นสุดท้าย 9.942 หรือเทียบเท่าสเตอร์ขนาด 13- 47 ซึ่งให้รอบต้นดี รอบปลายไหล ตอบสนองการใช้งานของยูซเซอร์ได้หลากหลายครับ ไม่ได้จำกัดวงเฉพาะคนที่ขี่ในเมือง เพราะสามารถขี่ขึ้นเนิน ดันดอย หรือทำความเร็วเดินทางได้ดีสมตัว
จากการทดลองวิ่งความเร็วปลาย ได้ 105-110 กม./ชม. ตามสภาพจราจร ขณะที่อัตราสิ้นเปลือง (ถังน้ำมันจุ 3.6 ลิตร) ทำได้ 44.49 กม./ลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ประหยัดทีเดียว
เครื่องยนต์บล็อคนี้ ให้ระบบสตาร์ทไฟฟ้าแบบ Easy Start กดทีเดียวก็ติดง่ายดาย และมีระบบสตาร์ทเท้า ที่มีประโยชน์ช่วยลดข้อจำกัดการใช้งานในสภาวะแบตเตอรี่อ่อนหมดหรือสตาร์ทมือเสีย ซึ่งบางทีก็แปลกใจทำไมรถรุ่นใหม่ ๆ ชอบตัดระบบสตาร์ทเท้าทิ้งก็ไม่รู้!
4.ช่วงล่าง ยาง เบรก
 |
 |
สัมผัสแรกของการออนโรด คือ “ฟีลลิ่งการทรงตัว” ที่ออกมาดีมาก รถคันนี้นิ่ง เลี้ยวไว ๆ ไม่เหวอ ไม่เซ ระบบช่วงล่างอาจจะดูธรรมดากับโช้คหน้าเทเลสโคปิก ช่วงยุบ 90 มม. โช้คหลังเดี่ยวยูนิตสวิง แต่ทดสอบการใช้งานจริง รวมถึงวิ่งผ่านทางพัง ๆ ก็ยังเกาะดีเกินคาด ไม่สะบัดจนเสียอาการ อาการบัมพ์ก็ไม่พบว่าโช้คยันแม้จะขี่ซ้อนสอง
อีกคุณสมบัติที่เจ๋งมาก คือยางหน้า-หลัง IRC GP-5 แบบมีบั้งกึ่งลุย หน้า 89/90-14 หลัง 90/90-14 เป็นยาง Tubeless ที่สัมผัสนิ่มนวล เกาะถนนไม่ธรรมดา แถมยังขยายเลเวลการใช้งานไปถึงการลงทางดิน จุดนี้ลองนึกถึงพี่ ๆ ไรเดอร์ที่ต้องวิ่งส่งของที่บ้างครั้งอาจจะต้องผ่านทางลุยเบา ๆ ทางโคลน ซึ่งคันนี้กับยางคู่นี้รองรับได้
ทั้งนี้ตามสเปคระบุว่า ควรเติมลมยางหน้า 29 ปอนด์หลัง 33 ปอนด์ แต่ผมลองขี่แล้วพบว่าหากใครเน้นขี่เดี่ยวถ้าลดลมยางลงสักนิด 1-2 ปอนด์จะพอดีสุด
 |
 |
ทางด้านระบบเบรก ฟีลลิ่งก็ไม่ธรรมดา เพราะซูซูกิให้ดิสก์เบรกหน้าคาลิเปอร์แดง เบรกหลังดรัม มีความแม่นยำหยุดความเร็วได้ดี น้ำหนักเบรกหน้าก็เซ็ทมาดีครับไม่กระด้างไม่แข็งเกินไป พอระบบเบรกชุดนี้ทำงานร่วมกับยางกึ่งลุย แต่คอมปาวด์ไม่กระด้าง ทำให้เบรกหนึบ ไม่รู้สึกการสไลด์ (ทั้งที่ยางแนว ๆ นี้ปกติจะมีอาการสไลด์นำมาก่อนเลย)
5 ฟังก์ชั่น และ ข้อสังเกต
จากการ รีวิว SUZUKI EASY 115 พบว่าเป็นรถที่ไม่ได้ถมฟังก์ชั่นจนล้น แต่ให้มาแบบมินิมอล พอเหมาะ พอใช้ หน้าจอ LCD เซ็ททริปได้ 2 ทริป มีนาฬิกา ดูแรงดันแบตเตอรี่ได้และให้เกจ์ระดับน้ำมันขนาดใหญ่ พร้อมกับมีการเปลี่ยนสีแบ็คไลต์อัตโนมัติเมื่อขี่ในสภาพแสงน้อย
 |
 |
 |
ด้านหน้าคอนโซล ซ้าย-ขวา เป็นช่องใส่ของที่เหมาะสำหรับวางแก้วน้ำ และมีตะขอแขวนหมวกอยู่ตรงกลาง
ระบบกุญแจแบบธรรมดา การเปิดใต้เบาะใช้แบบกุญแจเสียบด้านท้ายรถ พื้นที่ใต้เบาะทำช่องเล็ก ๆ แต่จุพอให้ใส่กระเป๋าเงิน โทรศัพท์และถุงมือขี่รถได้ ในจุดนี้แนะนำว่าติดกล่องท้ายสักใบสำหรับใส่หมวกกันน็อกก็หมดปัญหาครับ
ข้อสังเกตสำหรับตัวรถมีความเรียบเน้นใช้งานง่ายแบบนี้ อาจจะมีข้อดีที่หลายคนนึกไม่ถึง ซึ่งก็คือการซ่อมบำรุง ดูแล เบิกอะไหล่ง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ต้องพึงระบบอิเล็กทรอนิกส์วุ่นวาย ถ้ามีปัญหาแล้วอยู่ไกลศูนย์ฯ ก็สามารถเข้าซ่อมบำรุงจากร้านพันธมิตรของ Suzuki ได้ไม่ยาก
สุดท้ายนี้เปิดราคาจำหน่ายไว้ 56,900 บาท (ไม่รวมโปรโมชั่น) เมื่อเทียบกับสไตล์ที่ไม่ซ้ำและสมรรถนะที่ให้ฟีลลิ่งการขับขี่ใช้งานที่ดีมากๆ จัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการมอเตอร์ไซค์ออโตเมติคเน้นใช้งานคุ้มๆครับ
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
