รีวิว Zontes 368D City Sport แรงสุดในคลาส

รีวิว Zontes 368D City Sport แรงสุดในคลาส

เปิดตัว 368D ขายในไทยเป็นที่เรียบร้อย โดย Zontes Thailand พร้อมกับชูสโลแกน Folding The City “โฟลดิ้ง เดอะ ซิตี้” สื่อความหมายถึงการเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ สไตล์ City Sport แรงสุดในคลาส ดีไซน์กระชับคอมแพ็ค เหมาะสำหรับสายซิ่งปรู๊ดปร๊าด และตอบโจทย์ใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับชาวเมือง ครั้งนี้เรา รีวิว Zontes 368D 2026 จับ 7 ประเด็นต้องรู้ก่อนซื้อ..มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง!!

1.ซอนเทส เป็นโกลบอลแบรนด์

Zontes ถือว่าเป็นแบรนด์ระดับโลก “โกลบอลแบรนด์” ที่ลุยตลาดยานยนต์โลกมาเกิน 20 ปี โดยมีจำหน่ายไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก พร้อมกับความตั้งใจในการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์” ในทุกมิติ-ทุกเซ็กเมนต์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีโรงงานมาตรฐานสูงที่สามารถผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไปจนถึงการผลิตรถจักรยานยนต์หลากประเภทได้แบบครบวงจร ดังนั้นความน่าเชื่อถือของ Zontes จึงเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

2.ขุมพลัง 368 ซีซี.

368D ก็เป็นรุ่นที่ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ คลาส 368 ซีซี. พื้นฐานเดียวกับ 368G และ 368K โดยกระบวนการผลิตของเครื่องบล็อคนี้เรียกว่า “ไฮคอมเพรสชั่น เอนจิน” ขึ้นรูปด้วยการบีบอัด ช่วยลดฟองอากาศในชิ้นงาน ทำให้ได้แครงค์ เสื้อสูบ ฝาสูบ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่แข็งแกร่ง ทนทาน ถ้าดูแลตามมาตรฐานการเซอร์วิสก็จะใช้งานได้ยาวนาน (รับประกันเครื่องยนต์ 5 ปี หรือ 50,000 กม.)

ภายใต้เสื้อสูบอลูมิเนียม มีลูกสูบฟอร์จ ขนาด 79 มม. x ช่วงชัก 75 มม. ได้ปริมาตร 368 ซีซี. พร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด EFI จาก BOSCH เยอรมนี และมีโหมดเลือกแมพได้ 2 แบบ คือ Eco และ Sport โดยกดจากปุ่มบนปะกับแฮนด์ฝั่งขวา โดยในการทดสอบครั้งนี้ เราเน้นใช้โหมด S เกิน 90% เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของตัวรถ

คาแรคเตอร์ “ขี่มันส์” ของ 368D เป็นส่วนผสมของแรงม้าสูงสุด ที่ให้มาถึง 38.2 แรงม้าที่ 7,500รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 40 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที ความแรงขนาดนี้เมื่ออยู่บนบอดี้คอมแพ็ค “น้ำหนักเบา” (175 กก. รวมของเหลว) จึงกลายเป็นความแรงไปอีกเลเวล สิ่งที่ได้คือความติดมือของคันเร่ง ออกตัวไว รอบเครื่องกระฉับกระเฉงและจัดจ้าน ขี่ได้สนุกมากครับ

สำหรับท็อปสปีดในการรีวิว Zontes 368D ครั้งนี้ สามารถไปถึงตัวเลข 161 กม./ชม. (ยังเหลือในมืออีกพอสมควร เนื่องจากสภาพเส้นทางไม่อำนวย) ถ้าวิ่งไหลตามลมมีระยะทางไม่จำกัด น่าจะทะลุ 170 กม./ชม. ได้ไม่ยาก ส่วนความเร็ว 0-100 ทำได้ใน 7.16 วินาที

และแน่นอน 368D มีระบบป้องกันล้อลื่นไถล TCS (เปิด-ปิดได้) เพิ่มความปลอดภัยเป็นมาตรฐานบิ๊กสกู๊ตเตอร์ และในการดับเครื่อง แล้ว off ระบบทุกครั้ง เมื่อ on ขึ้นมาใหม่ ระบบ TCS จะกลับมาเปิดการทำงานโดยอัตโนมัติเสมอ..ซึ่งแบบนี้ก็ดีเพราะการันตีความปลอดภัยไว้ตลอด

3.ดีไซน์-มิติ

ภายใต้ความแรงของเครื่องยนต์ขนาด 368 ซีซี แบบนี้ Zontes คอนเฟิร์มว่ามีตัวใหม่ 2025 มีการออกแบบเมนเฟรม-บอดี้พาร์ทใหม่สำหรับการรองรับความแรงระดับนี้ของ 368D ไว้อย่างสมดุล โดยเฟรมนี้และจุดยึดต่าง ๆ ไม่สามารถติดตั้งชิ้นส่วนของ 350Dได้นั่นเอง

ในส่วนของภาพลักษณ์ เน้นความสปอร์ต ให้มุมมองคมเข้ม และเต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมและจุดเว้าอันเป็นผลด้านแอโร่ไดนามิกตั้งแต่หัวจรดท้าย ชิลด์หน้าให้แบบสั้น พร้อมพาร์ทด้านหน้าที่ออกแบบให้เหมือนครีบแอโร่ฟิน ถ้าใช้งานเมืองไม่มีปัญหา แต่หากใครขี่ทริปไกลบ่อย ๆ ต้องหาชิลด์แต่งมาใส่

ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ 4 ดวง (ไฟต่ำ 2 ไฟสูง 2) พร้อมชุดไฟหรี่ ไฟเลี้ยวบิลต์อินมาอย่างกลมกลืน ให้มุมมองของรถสปอร์ตยุคใหม่ที่หล่อเข้าท่าทีเดียว

ด้านท้ายให้มุมมองเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดไฟท้ายและไฟเบรกวาง 2 แถบบนล่าง บิลด์อินไฟเลี้ยวไว้มุมซ้ายล่าง ขี่ตามหลังก็จำได้แต่ไกลว่านั่นเป็นท้ายของ Zontes

สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความประทับใจในการรีวิว Zontes 368d ครั้งนี้ ยังมี “มิติ” ความคล่องตัวของรถ ที่รู้สึกได้ตลอดการขี่ว่า รถเบา ทรงตัวดี พลิกพลิ้วและเลี้ยวง่าย มุดไปตามการจราจรได้โดยไม่เป็นปัญหาสำหรับสายใช้งานในเมือง

ชุดแฮนด์กว้าง 790 มม. ฐานล้อก็สั้นแค่ 1,405 มม. เท่านั้น สรีระของรถแทบจะเหมือนสกู๊ตเตอร์ 150 ซีซี.ก็ว่าได้ ขณะที่น้ำหนักพร้อมน้ำมันเต็มถัง ระบุไว้175 กก. (ถ้ารถเปล่าหนัก 162 กก.) ถือว่าเบาที่สุดในกลุ่มบิ๊กสกู๊ตเตอร์ คลาส 300 ซีซี.

ในเรื่องการควบคุม ยังมีข้อดีของท่านั่งที่ซอนเทสรีเสิร์ชมาเข้มข้น ให้ท่าขี่ที่กระชับ แม้คนร่างเล็กยังรู้สึกว่า นั่งสบายและไม่สูงนัก ความสูงเบาะเพียง 760 มม.เท่านั้น รองรับการยืดเท้าด้วยฟลอร์บอร์ดกว้าง วางเท้าได้ 2 ระดับ รองรับสรีระคนหลายไซส์

ที่น่าสนใจคือตำแหน่งหัวเบาะคนขี่มีความเรียวแคบ เมื่อต้องเข้าจอด หรือขี่มุดการจราจรที่หนาแน่น ก็ทำเพียงขยับตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วลงขาผ่านจุดเว้าของบอดี้ ซึ่งซอนเทสออกแบบมาให้ใช้ประโยชน์ในลักษณะอยู่แล้วก็ผ่านฉลุยครับ

4.ช่วงล่าง

สิ่งที่หลายคนคาดหวัง การมาถึงของ 368D ว่าจะโช้คหน้าอัพไซด์ดาวน์แบบรุ่นพี่ 368K หรือไม่ ปรากฏว่าเอาจริงๆก็ใช้โช้คหน้าคู่แบบเทเลสโคปิกธรรมดา ขนาดแกน 37 มม. มาพร้อมโช้คหลังคู่ (ปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ)

จากการทดลอง “จับอาการ” จากโจทย์การขับขี่แบบ City use ซึ่งความเร็วที่ใช้ไม่ได้สูงมากเกินไป พบว่าระดับความนุ่มนวลของช่วงล่วงชุดนี้ถือว่าพอเหมาะครับ ซับแรงสะเทือนได้ดี ไม่กระเด้ง ไม่กลัวบัมพ์ ขี่นานๆไม่ต้องห่วงมือชา และไม่รู้สึกถึงอาการหน้าไว แต่หากใช้ความเร็วสูงหรือเลี้ยวโค้งยาวต่อเนื่อง (ซึ่งเรานำไปขับขี่นอกเมืองช่วงท้ายของการทดสอบ) ยังพอรู้สึกได้ว่าช่วงล่างมีฟีลลิ่งโยน ๆ อยู่บ้าง ดังนั้นหากเป็นสายออกทริป-ซิ่งโค้ง ผู้ขับขี่อาจต้องเซ็ททั้งระบบให้หนึบกว่านี้อีกระดับหนึ่ง ก็จะรองรับการใช้งานได้ทุุกสภาพ

ทางด้านวงล้อ ใช้ล้ออลูมิเนียมพร้อมยาง Continental Conti Scoot หน้า 120/70-15 หลัง 140/70-14 ซึ่งในการทดสอบเราใช้แรงดันลมยางมาตรฐาน หน้า 34.8 ปอนด์-หลัง 37.1 ปอนด์ การเกาะถนนของยางในทางแห้งรวมไปถึงจังหวะเบรกถือว่าทำได้ดีครับ ส่วนในทางเปียกหรือกลางฝนเราไม่มีโอกาสทดลอง จะสังเกตว่ายางที่ให้มา เน้นดอกยางสไตล์สปอร์ต ดังนั้นหากเจอสภาพน้ำขังยาว ๆ หรือใช้งานขณะฝนตกพรำ การรีดน้ำและความเกาะถนนจะทำได้ดีแค่ไหน อันนี้น่าสนใจ และหากมีโอกาสทดสอบแบบนั้น ค่อยมาเล่ากันอีกรอบครับ

5.เบรก

ปั๊มล่างด้านหน้ายังคงเป็น เรเดียลเมาท์ J.Jaun สัญชาติสเปน จับจานดิสก์หน้าใหญ่ 276 มม ส่วนจานดิสก์หลัง 240 มม. ทำงานร่วมกับก้านเบรกแบบปรับระดับได้ ซึ่งก็ตอบโจทย์ทั้งการปรับที่แค่ง้างก้านออกไปแล้วหมุนปรับได้ง่าย ๆ

มือเบรกฝั่งซ้ายมีกลไกพาร์คกิ้งเบรก ใช้มือซ้ายอย่างเดียวก็ผลักก้านล็อกเบรกให้ทำงานได้ไม่ยาก การมีพาร์คกิ้งเบรกแบบนี้ มีผลดีต่อการใช้งานที่บ้างครั้งเราต้องจอดรถในทางลาดเอียง หรือจอดทำธุระชั่วคราว หรือเติมน้ำมัน ซึ่งต้องปล่อยมือจากการกำเบรก

ฟีลลิ่งรวม ๆ ของการสั่งเบรก 368D จัดว่าดีมาก แม่นยำ และไล่น้ำหนักเบรกมาได้นุ่มหนึบกำลังเหมาะ ส่วนระบบ ABS 2 ชาแนล พบว่ามีความละเอียดในการตัดอาการล้อตามมาตรฐานของเบรกรถยุคใหม่ จากการลองเบรกในสถานีทดสอบ ก็ได้ผ่านสบาย ๆหายห่วง

6.ฟังก์ชั่น

ด้วยความเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ ดังนั้นฟังก์ชั่นซึ่งเป็นของคู่กันกับรถประเภทนี้จึงใส่มาเต็มที่เช่นกัน

หน้าจอสี FTF ขนาด 6.75 นิ้ว สวยงาม สว่างชัด ใช้งานง่าย รายละเอียดในจอเป็นแบบเดียวกับรุ่น G และ K

ควบคุมและสั่งการปรับค่าหน้าจอ ด้วยปุ่ม SET และ MOD ที่ปะกับแฮนด์ฝั่งซ้าย

สามารถปรับอินเตอร์เฟซได้ 4 แบบ คือ Adventure, Sport, Style และ City พร้อมฟังก์ชั่นอีกเพียบ เช่นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง วัดแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ ใช้ชิพเซนเซอร์จากเยอรมนี สามารถเชื่อมแอพ Zontes Smart มิเรอร์หน้าจอเพื่อใช้งาน Apple Carplay หรือ Android Auto และใช้แผนที่ได้

แม้ 368D ไม่มีกล้องหน้า-หลังแถม แต่หน้าจอมีฟังก์ชั่นรองรับ (ถ้ามีการซื้อกล้องมาใช้ ก็จะรองรับการใช้งานได้เลย)

คีย์เลส 3.0 IP67 แบบอิมโมบิไลเซอร์ มีริสแบนด์สวมใส่แบบนาฬิกา เข้าใกล้รถในระยะ 1.5 เมตร ก็จะสามารถกดปุ่ม On เปิดระบบสตาร์ทรถง่ายๆ หรือหาก On ระบบค้างไว้ เมื่อเดินออกห่างตัวรถเกินระยะ ระบบจะเข้าสู่โหมด Off ให้อัตโนมัติ

ข้อควรระวังคือ ถ้าหักแฮนด์ซ้ายไว้ แล้วคีย์เลสอยู่นอกระยะการทำงาน รถจะ Off และล็อคคอให้อัตโนมัติ ถ้าไม่ตั้งตัวอาจจะเสียหลักได้ ขณะเดียวกันเมื่อคีย์เลสอยู่ในระยะใกล้รถ สามารถกดปุ่ม SEAT เปิดเบาะ หรือปุ่ม FUEL เปิดถังน้ำมัน ได้เลย

ระบบพลังงานของคีย์เลสใช้แบตเตอรี่แบบกระดุม ถ้าแรงดันแบตของคีย์เลสอ่อน สามารถนำไปแตะใกล้ช่องใส่ของฝั่งขวา ก็จะสามารถเชื่อมสัญญาณให้ On ระบบเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

ช่องใส่ของมีสองฝั่ง ซ้าย-ขวา ด้านขวาล็อคไม่ได้ ส่วนฝั่งซ้ายมี USB A / C ซึ่งจะล็อคเมื่อเราดับเครื่องยนต์และ Off ระบบ ถ้าจะเปิดช่องใส่ของฝั่งซ้ายก็ต้องกดปุ่ม On ก่อนครั้ง

มีตะขอแขวนของเล็ก ๆ ตรงกลาง เพิ่มความสะดวกของการแขวนถุงแกงของสายพ่อบ้าน

ช่องใส่ของใต้เบาะ เป็น 1 ช่องใหญ่ใต้ตำแหน่งคนขี่ ความจุใส่หมวกกันน็อคเต็มใบบางรุ่นได้ มีไฟส่องใต้เบาะ และมีกลไกซีทสต๊อปเปอร์ ทำให้เมื่อเปิดเบาะใช้งานพื้นที่ใต้เบาะแล้ว ตัวเบาะจะค้างไว้ให้ เพิ่มความสะดวกระหว่างการใช้ได้ดี

บาร์ท้ายอลูมิเนียม คนซ้อนนั่งแล้วจับง่ายกระชับเพราะมียางกันลื่นติดไว้ข้างใต้

พักเท้าคนซ้อนเป็นแบบดึงออก มียังกันลื่น คนซ้อนวางเท้าได้สะดวก

ถังน้ำมันจุ 12 ลิตร (เติม โซฮอล 95 เท่านั้น) เปิดฝาถังด้วยปุ่ม Fuel ที่ปะกับแฮนด์ฝั่งขวา

ขาตั้งข้างมีระบบไซด์สแตนด์สวิตช์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อเตะขาลง ตรงนี้มีข้อสังเกตเล็กน้อยว่าองศาและขนาดของปลายขาตั้ง ชันและเล็กไปสักนิด ใช้งานจริงควรใส่พาร์ท “ตีนเป็ด” เพื่อให้จอดได้มั่นใจกว่า นอกจากนี้ยังมีขาตั้งคู่ที่ใช้งานโคตรง่าย วางตำแหน่งการโยกรถเพื่อขึ้นขาคู่ในจุดบาลานซ์ ออกแรงนิดเดียวก็ดึงขึ้นได้เลยไม่กินแรง

เกือบลืม ในการใช้งาน Zontes 368D ในสภาพแสงน้อย ตัวรถมีไฟแบ็คไลต์สีแดงอยู่ที่ปุ่มสั่งงานหลัก ๆ บนปะกับแฮนด์ทั้งซ้ายและขวา อันนี้เวิร์คมากต้องยกนิ้วโป้งกดไลค์ให้

7.ตัวเลือกสีที่ขายในบ้านเรา

สำหรับ Zontes 368D เปิดตัววางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคาพิเศษ 139,900 บาทเฉพาะช่วงเปิดตัว จากราคาเต็ม 143,900 บาท

โดยมีตัวเลือกสีสัน 3 แบบ ที่ดูสวยสปอร์ตทุกสีได้แก่

สีสันที่มีจำหน่าย

เทา-ม่วง Dark Bright Grey Gloss – Purple Flipflop	ดำ-แดง Extra Black Gloss – Ruby Red Gloss	น้ำตาล-ส้ม Matte Brown – Orange Vivid

ทิ้งท้ายบทความนี้ บทสรุป รีวิว Zontes 368d ปี 2026 เราอยากชี้ให้ทุกคนมองความเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ไซส์คอมแพ็ค มิติกระชับ ครบเครื่องทั้งด้านสมรรถนะ ขุมกำลัง และความปลอดภัย อีกทั้งมีฟังก์ชั่นในแบบมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่อย่างครบครัน ภายใต้ราคาจำหน่ายที่เปิดมาอย่างเหมาะสม เข้าถึงง่าย

ส่วนการเป็นแบรนด์ทางเลือกที่ผู้ใช้จะวางใจคบค้ากันไปได้ยาว ๆ หรือไม่นั้น พิจารณาจากการทำงานดูแลลูกค้าของ Zontes Thailand ในช่วงที่ผ่าน ๆ มาก็พอจะทราบว่าเขาทำได้ดีครับ.. ดังนั้น Zontes 368D คันนี้ จึงน่าพิจารณาเป็นตัวเลือกคลาส 300 อัพ อันดับต้น ๆ ของ “รถน่าใช้” ของปีนี้เลยครับ

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่