10 ปลายทาง ที่ไบเกอร์ต้องไป! เมื่อ โควิด หาย!!

เรื่อง/ภาพ : Hey Joe

…ช่วงที่ผ่านมาถือว่าความเคลื่อนไหวของ สายทริป สายเที่ยว เข้าสู่โหมด “สายจอด” กันอย่างสนิท เพราะเมืองไทยเข้มงวดเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดและมีการปิดแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เนื่องจากการระบาดของ โควิด-19 …แต่มาถึงนาทีนี้ บ้านเราเริ่มมีการ “คลายล็อค” และบางจังหวัดก็เปิดให้เดินทางท่องเที่ยวแล้ว และนี่คือ 10 สถานที่สวยๆ ซึ่งสายเที่ยวไม่ควรพลาด!!

1.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี
คิดง่ายๆว่า ถ้าเริ่มสตาร์ทจาก “กรุงเทพ” การไปถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ก็ใช้ระยะทางแค่ราวๆ 260 กม.เท่านั้นกับเส้นทางการขับขี่รถที่มีอะไรสวยงามให้ชมตลอดทาง และที่แน่ๆคือ “ไปง่าย” แค่จับหลักว่า เมื่อถึงเมืองกาญ เจอ “แยกแก่งเสี้ยน” ก็ตรงไปยาว พอเลย “น้ำตกเอราวัน” แค่เลี้ยวซ้ายผ่านหน้าสันเขื่อนศรีนครินทร์ จากนั้นขี่ตามป้ายเรื่อยๆ ปลายทางก็จะเป็นน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นที่มีความงามในระดับ “หายเหนื่อย” เลยล่ะ…อ้อ อย่าลืมเอาเต๊นท์ไปด้วยนะ ลานกางเต๊นท์เขามีหลายจุด ถ้าอยากนอนริมน้ำ และมีร้านอาหารอร่อยๆอยู่ใกล้ แนะว่า ลงไปกางด้านล่าง (ซ้ายมือของทางไปท่าแพขนานยนต์) จบเรื่อง!

2.อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.เพชรบูรณ์

จากความตรงและยาวบนทางหลวงหมายเลข 21 เริ่มตั้งแต่สระบุรี ผิวการจราจรดีมากๆ….เราสามารถใช้เส้นทางผ่ากลางประเทศเส้นนี้ไปสู่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งพอไปถึงบนนั้น ก็มีมิชชั่นให้ “เล่นโค้ง” แก้ง่วงกันพอสมควร ผ่านเขาค้อตามทางมีร้านกาแฟดีๆมากมาย แต่ “จุดหมาย” ที่ห้ามพลาดของการมาถึงที่นี่อยู่ตรง “หน่วยหนองแม่นา” อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง แหล่งท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันน่าเมืองไทย มีแนวป่าสนสวยๆให้ได้กางเต๊นท์ ซึ่งในแง่ของความสะดวก มีร้านสวัสดิการ ขายอาหารและของกินต่างๆเพียบ ใครไม่เอาเต๊นท์มาก็มีให้เช่า มากกว่านั้นคือที่นี่มีเส้นทางให้ผจญภัยขึ้นไปชมป่าสนโบราณ ชื่อว่า “สวนสนนางพญาเมืองเลน” เป็นไฮไลต์ของการขี่รถผ่านทางออฟโรด(ไม่โหดมาก) แต่วิวที่ได้โคตรคุ้ม!

3.จุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า จ.นครราชสีมา
อ.วังน้ำเขียว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้นหู ยิ่งถนนสาย 3052 ที่ผ่าน “เขาแผงม้า” เสิร์ชกูเกิล ก็จะขึ้นพรึ่บ!! แถวนั้นเป็นเส้นทางที่ไบเกอร์ใช้ออกทริปกันบ่อย เพราะมันสามารถขี่เป็นวงกลม One Day Trip ตัดมาออกทางขึ้นอุทยานฯเขาใหญ่ฝั่งปากช่องได้ แต่เส้นทางที่อยากแนะนำคือ “จุดสกัดเขาสูง” อันเป็นที่ตั้งของ “ที่ทำการเขตห้ามล่าฯเขาแผงม้า” ซึ่งต้องเลี้ยวซ้ายจากเส้น 3052 เข้าไปในถนนตามหมู่บ้าน ตรงนั้นคือจุดชมวิวที่สวยงามและสามารถกางเต๊นท์พักได้ (เตรียมอาหารเครื่องดื่มไปเอง) ทำไมเราแนะนำมาจุดสกัดเขาสูง เพราะที่นี่เป็นแหล่งชมธรรมชาติที่คุณจะได้เห็น “กระทิง” ออกมาหากินแบบตัวเป็นๆ…ถ้ารักธรรมชาติละก็ห้ามพลาด!

4.ป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยว “อันซีน” รออยู่อีกมาก …อ้อ…คุณแค่ลืมๆ เส้นทางเดิมๆอย่าง เชียงใหม่-ปาย ออกไปบ้าง… และลองหันไปทาง อ.แม่แจ่ม เพราะมันคือ จุดหมายที่ยอดเยี่ยมเลยสำหรับการเป็นปลายทางใหม่ๆที่ได้ฟีลลิ่ง “สวรรค์บ้านนา” บนนั้นวิวแทบจะ 360 องศา กับภาพสีเขียวของนาขั้นบันไดอันสลับซับซ้อน …แต่เส้นทางที่เข้าไปป่าบงเปียง ถ้าให้สนุก ก็ต้องเริ่มจากการมุ่งหน้าจากเชียงใหม่ไป อ.จอมทอง จากนั้นเลี้ยวขวา เข้าทางหลวงหมายเลข 1009 ขึ้นไป “ดอยอินทนนท์” เมื่อถึงด่านตรวจที่ 2 ก็ให้เลี้ยวซ้ายลงไปทางหลวงหมายเลข 1192 (อินทนนท์ -แม่แจ่ม) จากนั้นแค่จับตามองทาง “แยกไปน้ำตกห้วยทรายเหลือง” แล้วมุ่งตามทาง(แวะถามชาวบ้านบ้างก็ดี) มันจะพาเราผ่านเส้นทางออฟโรด คลุกโคลนกันบ้าง ทุลักทุเลบ้างราวๆ 5 กม. ออกไปยังป่าบงเปียงได้ในที่สุด…สำหรับแถวนี้ที่พักเป็นแบบ “โฮมสเตย์” จ่ายหัวละ 500 บาท มีอาหารให้ 2 มื้อ เย็น-เช้า ลองดูเถอะ รับรองประทับใจสุดๆ

5.ดอยเสมอดาว อช.ศรีน่าน จ.น่าน
จุดหมายนี้บอกเลยว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบเสพ “วิวหลักล้าน อาหารหลักร้อย” เส้นทางที่ไปก็ หลังจากมุ่งหน้าถึงน่าน แล้วอาจจะเริ่มตั้งต้นจากถนนชนบทหมายเลข 1206 อ.เวียงสา- อ.นาน้อย …หรือไปเล่นโค้งบนทางหลวง 117 น้ำปาด-บ้านโคก อุตรดิตถ์ แล้ววกซ้ายเข้าทางหลวง 1083 ขึ้นไปยัง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ก็ใช้ได้ทั้งคู่…ที่นั่นมีการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ครบทุกด้าน ตั้งแต่ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ โซนที่ชาร์จแบตฯ ลานจอดรถ…การพักแรมมีรูปแบบเดียวคือ “นอนเต๊นท์” มีทั้งเต๊นท์ของอุทยาน และเต๊นท์ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งสามารถ “โทรจอง” ได้ทั้งหมด…เรื่องอาหารการกินในโซนกางเต๊นท์ของอุทยาน ไม่อนุญาตให้ปรุงอาหาร…แต่ใครจะพกขนมขบเคี้ยวไปนอนเคี้ยวเล่น อันนั้นไม่มีปัญหา…ส่วนโซนกางเต๊นท์ นอกเหนือจากนั้น ทำกับข้าวได้สบายมาก เพราะชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้ามาร่วมกับอุทยานฯ เขามีหมูกะทะไว้บริการ อย่างครอบคลุม ฮา ฮา ทั้งไปนั่งกินเองที่ร้าน หรือจะสั่งขึ้นมาให้ส่งหน้าเต๊นท์ก็ได้ครับ…เรียกว่าขึ้นดอยไปตัวเปล่า ไม่พกกับข้าวไป ดอยเสมอดาวนี่ไม่มีอดนะ…

6.ถนนเลข 3 สันติสุข-บ่อเกลือ จ.น่าน

“น่าน” คือจุดหมายของไบเกอร์สายเที่ยวทางไกลที่ต้องไปกันให้ “ถึง” และสเต็ปสำคัญอย่างหนึ่งของการมาเยือนน่าน อยู่ที่ถนนลอยฟ้าหรือทางหลวงหมายเลข 1081 ที่วิ่งเลื้อยไปตามสันเขาด้วยสภาพถนนคดโค้งสวยงาม จนมีช่วงหนึ่งมองเห็นความหยักเป็น “เลข 3” อย่างชัดเจน แน่นอนมันอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 38-39 มีที่จอดรถพอเซ็ทถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ไม่ยากมาก …เพิ่มเติมเล็กน้อย ไม่ว่าคุณจะมาทางไหน บ่อเกลือ หรือ สันติสุข หลังจากได้ภาพถนนเลขสามแล้ว คุณต้องไปถ่ายวิวสวยๆที่ “วัดภูเก็ต” รวมถึงจุดชมวิวบนดอยภูคาด้วย ถึงจะครบความตระการตาของวิวในเมืองน่าน…

7.แม่สะเรียง-สวนสนบ่อแก้ว จ.แม่ฮ่องสอน
ถนนในความทรงจำของใครหลายคนคือ ทางหลวงหมายเลข 105 แม่สอด-แม่สะเรียง การเดินทางไปที่นั่นในหน้าฝน เรียกว่าเป็น The best เพราะรอบๆเต็มไปด้วยป่าไม้ ภูเขา เขียวสดใสไปทั้งป่า รวมทั้งยังมีช่วงที่ได้ขี่รถเลียบชายแดนไทย-พม่า โดยมีแม่น้ำเมยกั้น แถมด้วยจุดแวะเที่ยวเยอะ โดยเฉพาะบริเวณ “สบเมย” ที่มีเรือนำเที่ยวรอบริการพาเที่ยวไปยังฝั่งพม่า เมื่อไปถึงแม่สะเรียง สามารถเลือกโรงแรมดีๆริมน้ำยวม (ราคาไม่แพง) แล้ววันถัดมาก็ลองวิ่งออกไปตามทางหลวงหมายเลข 108 ที่แยกจาก อ.แม่สะเรียง แล้วมุ่งหน้าขึ้นตะวันออกมา อ.ฮอด เพื่อไปถ่ายภาพความสวยงามของ “สวนสนบ่อแก้ว” แหล่งปลูกต้นสนสามใบที่มีภาพอันสวยงามของแนวสนสามใบ (ที่นี่สามารถพักแรมได้ แต่ต้องเอาเต๊นท์ไปเอง) แต่ถ้าใครจะแค่แวะเช็คอินแล้วไปนอนที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ก็ได้อีกเหมือนกัน!

8.อุทยานประวัติศาสตร์ จ.สุโขทัย-น้ำตกคลองลาน กำแพงเพชร
สองแห่งที่แนะนำมานี้ สามารถเที่ยวใน 2 แบบ ลองเริ่มด้วย ออกจากกทม. แต่เช้ามืด ขี่ยิงยาวขึ้นไปสุโขทัย แวะศึกษาประวัติศาสตร์ที่เมืองมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นที่หมายแรก ที่นั่นเราสามารถเช่าจักรยานขี่ชมรอบๆความอลังการของอาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้ แล้วเข้าไปเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสุโขทัย ในนั้นมี “ของดี” เยอะ แนะว่าให้ไปเดินดูความรุ่งเรืองของชนชาติไทยตั้งแต่โบราณ รวมทั้งที่มาของอักขระไทย ที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์ขึ้น จากนั้นค่อยขี่รถต่อลงไปทางทิศตะวันตก เข้าสู่จ.กำแพงเพชร ข้ามไปให้ถึง “น้ำตกคลองลาน” ซึ่งได้ชื่อว่า สวยงาม ตระการตา อยู่ในแถวหน้าของแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกเมืองไทย…ที่คลองลานมีร้านค้าสวัสดิการและร้านกาแฟที่วิวสวยมากๆแห่งหนึ่งของเมืองไทย แน่นอนใครอยากพักแรม ที่นั่นมีบ้านพักอุทยานฯและลานกางเต๊นท์ริมลำธาร บอกเลยว่า โลเคชั่นเขาดีมากๆ

9.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

ชื่อนี้ไม่ต้องคุยอะไรกันมาก ไบเกอร์ส่วนใหญ่รู้จัก เมืองชายแดนตะวันตกอย่าง “สังขละบุรี” กันอยู่แล้ว ระยะทางจาก กทม.ถึงสังขละบุรี ก็ 300 กม.ปลายๆ วิ่งผ่านช่วงทะเลสาบเขาแหลม ที่เป็นถนนเลียบน้ำวิวสวย ใครสายเต๊นท์ที่นั่นมีจุดกางเต๊นท์บริเวณหน่วย “ป้อมปี่” ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม” แต่ถ้าให้แนะนำ เข้าไปหาที่พักในเมืองดีกว่า เลือกที่เห็นวิวสะพานมอญ หรือทะเลสาบตรงสามประสบ แล้วตอนเช้าห้ามพลาดการไปลงเรือชมวิวทะเลสาบและข้ามไปฝั่งมอญ…ใครมีเวลา 2 คืน ก็แวะไปด่านชายแดนเจดีย์สามองค์เพื่อเดินชมตลาดชายแดนก็ได้…และถ้าฝั่งพม่าเขาเปิดแล้ว ก็ทำใบบอเดอร์พาส เข้าไปเดินดูเมืองพญาตองซูเป็นการปิดท้ายก็ไม่เลวนะ

10.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

อีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ไกล กทม. แต่มีความงามควรค่าแก่การเดินทางไปอย่างยิ่ง…จากถนนสายหลักก่อนถึง อ.ท่ายาง แนะว่าให้วกขึ้นสะพานออกขวาเข้าไปทาง อ.หนองหญ้าปล้อง จากจุดนั้นก็สัมผัสธรรมชาติที่มีท้องนาเมืองเพชรกับต้นตาลสวยๆ แล้วมีเส้นทางโค้งสวยๆให้แก้ง่วงด้วย สำหรับสันเขื่อนแก่งกระจาน เราสามารถจอดรถถ่ายรูปได้สะดวก ไม่มีจนท.มาไล่ แต่ก็เอาแต่พองามนะ อย่าไปขวางทางนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ส่วนคนที่อยากพักแรม แถวๆริมแม่น้ำเพชรบุรีมีรีสอร์ทให้เลือกทุกราคา สำหรับสายเต๊นท์แนะว่า ไปพักที่บริเวณจุดกางเต๊นท์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่มีวิวทะเลสาบสวยๆกับจุดอำนวยความสะดวกซึ่งเขาทำดีมาก(ห้องน้ำสะอาด)…ที่นี่มีไฮไลต์คือ ใครตื่นเช้าทันให้มาถ่ายรูปตรงสันเขื่อนช่วงพระอาทิตย์ขึ้น…สวยจนอยากไปซ้ำทุกวันเลยล่ะ!