2026 Enduro Veloce ลุยได้แบบมีสไตล์จาก MV Agusta

2026 Enduro Veloce ลุยได้แบบมีสไตล์จาก MV Agusta

MV Agusta ค่ายรถจากเมืองวาเรเซ่เปิดตัวโมเดลใหม่อีกแล้ว ครั้งนี้เป็นคิวของแอดเวนเจอร์คันงามที่นักบิดที่ชื่นชอบการผจญภัยลุยได้แบบมีสไตล์กับ 2026 Enduro Veloce

ดีไซน์

สำหรับคันนี้การออกแบบเน้นไปที่ความสวยงามที่ใช้งานได้จริง ด้านหน้าออกแบบให้สอดคล้องกับแอโรไดนามิก ไม่ให้ผู้ขับขี่ปะทะกับลม ชิลด์หน้ามีรูปทรงที่ช่วยลดกระแสลมปั่นป่วนบริเวณหมวกผู้ขับขี่ บังโคลนหน้าและตัวแยกลมบริเวณแฟริ่งด้านข้างช่วยให้มีกระแสลมป้อนเข้าไปที่แผงหม้อน้ำดีขึ้นขณะเดียวกันผู้ขับขี่ก็ยังคงสบาย และช่วยเพิ่มความเสถียรของตัวรถที่ความเร็วสูงอีกด้วย

เครื่องยนต์

ขุมพลังจะเป็นเครื่อง 3 สูบเรียงขนาด 931 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบหมุนทวนเทคโนโลยีจากสนามแข่ง MotoGP ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและลดแรงเฉื่อย เคลมกำลังแรงสูงสุด 124 แรงม้าที่ 10,000 รอบ และแรงบิด 102 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ โดยมีแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำ กล่าวคือมีแรงบิดมากถึง 85% ที่รอบต่ำเพียง 3,500 รอบ และแน่นอนว่าตัวเลขนี้ผ่านมาตรฐาน Euro5+ แล้ว

ช่วงล่าง

ทางค่ายใช้เฟรมเหล็กกล้าแบบเพอริมิเตอร์วางแบบเปลคู่ ทำให้ได้ความเสถียรเวลาขับขี่ที่ความเร็วสูง และซับแรงกระแทกเวลาขับขี่แบบออฟโร้ดได้ดี มีซับเฟรมที่ออกแบบมาให้สามารถถอดออกได้เผื่อให้เซอร์วิสรถได้สะดวก

ระบบกันสะเทือนของรถจะมาจากทาง Sachs ด้านหน้าเป็นโช้คหัวกลับ 48 มม. ปรับแต่งได้ทั้งพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชัน ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวที่ปรับได้ทั้งพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชันเช่นเดียวกัน แล้วก็มีกันสะบัดด้วย ส่วนระบบเบรก ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 มม.กับคาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema ส่วนด้านหลังดิสก์เดี่ยว 265 มม.กับคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบคู่ ปิดท้ายด้วยล้อซี่ลวดแบบไม่ต้องใช้ยางในรัดด้วยยาง Bridgestone AT41 ขนาด 90/90 – 21” และ 150/70 – R18”

เทคโนโลยีและฟีเจอร์

เทคโนโลยีสำหรับเจ้า Enduro Veloce จัดมาแน่น ๆ เต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ IMU 6 แกน ระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ 4 โหมด แทรคชันคอนโทรล 8 ระดับ ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบป้องกันการลอยตัวของล้อ ระบบเบรก Cornering ABS ระบบช่วยออกตัว ครูซคอนโทรล ควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง หน้าจอสีขนาดใหญ่เต็มตาถึง 7 นิ้วเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและใช้งานระบบนำทางแบบเทิร์นบายเทิร์นได้

ยังมีฟีเจอร์สำหรับสายทัวริ่งอย่างกล่องข้าง ขาตั้งคู่ แครชบาร์ และไฟตัดหมอกที่ให้มาจากโรงงานเลย

การจำหน่าย

โมเดลนี้จะจำหน่ายด้วยกัน 2 เฉดสี คือสีดำ Nero Intenso/Grigio Antracite และสีขาวและน้ำเงิน Bianco Perlato RC/Blu Nordico โดยตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 19,900 ยูโรหรือราว ๆ 745,000 บาท ส่วนแฟน ๆ ชาวไทยก็คงต้องหาทางนำเข้ากันเอาเองครับถ้าอยากได้

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่