2026 Honda NT1100 เปิดสีสันใหม่ที่ยุโรป
สาวกชาวไทยไม่ต้องรอโมเดลใหม่ หลังล่าสุดฮอนด้ายุโรป เปิดตัว 2026 Honda NT1100 สีสันใหม่ที่ยุโรป โดยมีไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดอื่นใดในตัวรถ ซื้อคันที่ขายไทยตอนนี้ได้เลยไม่ต้องเครียด เว้นแต่ว่าอยากได้สีใหม่ เทาอิริเดียมก็เท่านั้น
เจ้า NT1100 คันนี้ดีกรีไม่ธรรมดาด้วยยอดขายรั้งตำแหน่งทัวเรอร์ที่ขายดีที่สุดในยุโรปในปี 2025 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 48% กันเลยทีเดียว และเพื่อดึงลูกค้าเพิ่มก็เลยเปิดสีสันใหม่เป็นสีเทาอิริเดียม Iridium Gray Metallic เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมจากสีน้ำตาลทอง Mat Warm Ash Metallic และสีน้ำเงินมุก Pearl Hawkseye Blue
เรื่องของสเปคและรายละเอียดนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะโมเดลนี้เพิ่งจะปรับปรุงใหม่ปีก่อนนี้เอง ทั้งในด้านของดีไซน์ที่ดูสปอร์ตพรีเมียม รวมถึงเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อัปเกรดขึ้นมาเพิ่มเติม
ขุมพลังเป็นเครื่อง 2 สูบเรียงขนาด 1,084 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ เคลมกำลังแรงม้ามาที่ 100.5 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 112 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที โดยมีถังน้ำมันขนาด 20.4 ลิตร
ส่วนในรุ่น DCT ก็จะมาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ DCT ที่ปรับปรุงมาใหม่ให้มีทำงานรอบต่ำได้ดีขึ้นรวมถึงทำงานร่วมกับ IMU เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าโค้งทำได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของช่วงล่างตัวรถใช้เฟรมแบบเซมิดับเบิลเครเดิล มีระบบกันสะเทือนจากทาง Showa ที่สามารถปรับพรีโหลดได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มม.ร่วมกับคาลิเปอร์เบรกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังดิสก์เดี่ยว 256 มม.กับคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว ส่วนล้ออลูมิเนียมไม่ใช้ยางในมาพร้อมยางขนาด 120/70-17 และ 180/55-17 หน้าหลังตามลำดับ
และสำหรับรุ่นโช้คไฟฟ้ามีระบบกันสะเทือนไฟฟ้าจาก Showa ในชื่อว่า Showa Electronically Equipped Ride Adjustment (Showa-EERA) ซึ่งจะช่วยปรับความหนืดหรือแดมปิ้งให้ในทุกสภาวะการขับขี่และทุกสถานการณ์ ทั้งยังช่วยปรับสปริงพรีโหลดด้านหลังให้เข้ากับน้ำหนักการบรรทุกอีกด้วย ซึ่งสามารถปรับได้โดยไม่ต้องจอดรถอีกด้วย
ในส่วนของเทคโนโลยีจะมีระบบ IMU หรือหน่วยประมวลผลแรงเฉื่อยทำงานร่วมกับระบบ HSTC ที่ผนวกรวมเข้ากับระบบป้องกันการลอยตัวของล้อหน้า ระบบเบรก Cornering ABS และ ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อหลัง รวมไปถึงโหมดการขับขี่ 3 โหมดหลัก URBAN, RAIN และ TOUR ที่ปรับเซ็ตระบบควบคุมกำลังเครื่องยนต์และระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรกมาให้เหมาะสมกับแต่ละโหมดแล้ว ผู้ใช้ยังมีโหมด USER ให้เลือกปรับตามใจชอบได้เองอีก 2 โหมด
ยังมีหน้าจอสี 6.5 นิ้วแบบทัชสกรีน ใช้งานร่วมกับ Apple CarPlay หรือ Android Auto ก็ทำได้ ระบบครูซคอนโทรล อุ่นมือที่อัปเกรดมาแล้ว ช่องจ่ายไฟแบบ USB ระบบไฟเลี้ยวยกเลิกเองอัตโนมัติ ระบบไฟเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน
ทั้งนี้บ้านเราขายโมเดลนี้เฉพาะรุ่นสแตนดาร์ด DCT โช้คธรรมดาในราคา 525,000 บาท ส่วนรุ่นโช้คไฟฟ้ายังไม่มีจำหน่าย
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่