2026 Panigale V4 R ตัวแรงสำหรับแข่ง WSBK คันใหม่มาแล้ว
สิ้นสุด ๆ การรอคอยสักทีกับ 2026 Panigale V4 R ซูเปอร์ไบค์คันใหม่สำหรับไว้ลงสนามแข่งแบบเน้น ๆ คันใหม่จาก Ducati เปิดตัวแล้ว มาพร้อมสเปคและตัวเลขความแรงระดับโลกต้องตะลึง ว่าแต่มีอะไรยังไงบ้าง ไปดูกันเลย
ดีไซน์
แน่นอนว่าหล่อเหลาระดับพระกาฬไม่ต่างอะไรโมเดลธรรมดาก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไปสุดยิ่งกว่าในเรื่องของแอโรไดนามิก ด้วยการนำเทคโนโลยี Corner Sidepods ที่ใช้ในเวที MotoGP ตั้งแต่ปี 2021 มาใส่ในรถโปรดักชัน ซึ่งทำให้เกิดปรากฎการณ์กราวด์เอ็ฟเฟ็กต์ที่ช่วยให้ยางมีการยึดเกาะที่มากขึ้นเมื่อขับขี่ความเร็วสูง ซึ่งแน่นอนว่าช่วยให้ทำเวลาในสนามแข่งได้ดียิ่งขึ้น
อีกจุดที่แตกต่างคือวิงก์เล็ตขนาดใหญ่ขึ้นช่วยเพิ่มแรงกดที่ล้อหน้าได้มากขึ้นอีก 25% กล่าวคือเมื่อขี่ที่ 270 กม./ชม.จะสร้างแรงกดได้มากขึ้นอีก 4.8 กิโลกรัม หากขี่ที่ความเร็ว 300 กม./ชม. ก็จะสร้างแรงกดได้มากขึ้นถึง 6 กิโลกรัม
และอีกจุดสำคัญของความแรงสำหรับสนามแข่งคือการมีแอร์อินเทคใหม่เพิ่มแรงดันอากาศเข้าระบบเผาไหม้ได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มแรงม้าได้มากถึง 1.3 แรงม้าเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด หรือพูดง่าย ๆ คือแรงมากในช่วงทางตรง
เครื่องยนต์
ขุมพลังนี่ถือเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ของโมเดลนี้เนื่องจากว่าโมเดลอื่นนั้นจะเป็นเครื่องที่มีขนาดความจุเกิน 1,000 ซีซี จึงทำให้ไม่สามารถใช้ทำการแข่งขันในรุ่นซูเปอร์ไบค์ของรายการต่าง ๆ ได้ แต่เมื่อเป็นรหัส R สาวกจะรู้กันดีว่านี่คือตัวแข่ง และเจ้าตัวแข่งคันนี้ก็แรงด้วยเครื่อง Demosedici Stradale R ที่เป็นเครื่อง 4 สูบวีขนาด 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบยกมาจากรถแข่ง MotoGP สามารถไต่รอบได้มากถึง 16,500 รอบต่อนาทีที่เกียร์ 6 เคลมตัวเลขแรงม้าสูงสุดมาที่ 218 แรงม้าที่ 15,500 รอบต่อนาที ตามมาตรฐาน Euro5+ แล้วด้วย เยอะกว่าตัว V4 S เสียด้วยซ้ำ แต่แรงบิดนั้นจะตกลงมาอยู่ที่ 114.5 นิวตันเมตรที่ 12,000 รอบต่อนาที โดยสั่งงานด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า
โดยมีการปรับแต่งภายในใหม่ ได้แก่ ลูกสูบใหม่น้ำหนักเบาลง 5.1% เพลาข้อเหวี่ยงใหม่เพิ่มแรงเฉื่อย ออกแบบฝั่งไอดีใหม่ ปรับปรุงแคมฝั่งไอเสีย ปรับตำแหน่งหัวฉีด ทำให้เผาไหม้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีกรองโพลีเอสเตอร์ใหม่จาก Sprint Filter อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น ทำให้ยังสามารถแรงได้เท่าเดิมแม้มีเรื่อง Euro5+ แถมยังเพิ่มแรงบิดในย่านกลางมากขึ้น ทั้งนี้หากใส่ท่อเรซซิ่งจะทำให้แรงม้าโดดไปถึง 235 แรงม้า และใช้น้ำมันเครื่อง Ducati Corse Performance Oil ก็จะโดดไปถึง 239 แรงม้าเลยทีเดียว
นอกจากนี้แล้วยังมีเกียร์บ็อกซ์สไตล์เรซซิ่งที่มีเกียร์ว่างใต้เกียร์ 1 เวลาจะซิ่งก็งัดขึ้นอย่างเดียว มาจากโรงงานพร้อมระบบ Ducati Neutral Lock ป้องกันเผลอเข้าเกียร์ว่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อใช้ระบบเกียร์นี้จะทำให้สามารถเข้าเกียร์ได้เร็วและนุ่มนวลมากขึ้นเหมาะกับการแข่งขันสุด ๆ
ช่วงล่าง
เจ้า V4 R คันนี้ยังใช้เฟรมเดิมแบบตัวธรรมดาที่เรียกกันว่าฟรอนต์เฟรม และสวิงอาร์มคู่แบบกลวงเช่นเดิม (ซึ่งก็น่าจะแก้ปัญหาแล้ว) ส่วนระบบกันสะเทือนจะเป็นโช้คหัวกลับ Ohlins NPX25/30 ขนาด 43 มม. ด้านหลังเป็น Ohlins TTX36 เซ็ตติ่งใหม่ให้เข้ากับตัวรถ ซึ่งแน่นอนว่าปรับเต็มได้เต็มระบบ และยังมีกันสะบัด Ohlins SD20 ตัวใหม่และเป็นครั้งแรกในรถโปรดักชันมาให้ด้วย ซึ่งจะมีระยะปรับความหนืดที่กว้างมากขึ้น
ขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 330 มม.กับคาลิเปอร์เบรก Brembo Hypure ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม.กับคาลิเปอร์เบรกแบบ 2 ลูกสูบ ส่วนล้อจะเป็นล้ออลูมิเนียมฟอร์จมากับยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP V4 ขนาด 120/70 – ZR17” และ 200/60 – ZR17”
ระบบอิเล็กทรอนิกส์
เรื่องนี้แน่นอนว่าจัดเต็มสำหรับเรซซิ่งเต็มระบบ เบสออนระบบ Ducati Vehicle Observer ที่ช่วยเก็บข้อมูลตัวรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น มีระบบเบรก Cornering ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก แต่เพื่อการแข่งขันแล้วทางค่ายจัดระบบ Race Brake Control ช่วยให้ใช้เบรกหลังได้อย่างได้อย่างแม่นยำ ทำให้เบรกได้ลึกขึ้น
ยังมีหน้าจอสีขนาด 6.9 นิ้วพร้อมโหมดการแสดงผลเลือกได้ 2 โหมดคือแบบ Track และ Road ซึ่งในโหมดแทร็คจะมี Grip Meter เพื่อประเมินว่ารถมีการยึดเกาะในขณะนั้นมากน้อยเท่าไหร่
ส่วนระบบอื่น ๆ ก็จะมีโหมดการขับขี่ โหมดควบคุมกำลังเครื่องยนต์ ระบบควบคุมการสไลด์ ระบบไฟเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบแทรคชันคอนโทรล ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบโช้คไฟฟ้า Ohlins Smart EC3.0 ระบบช่วยออกตัว ระบบยกเลิกไฟเลี้ยวอัตโนมัติ ระบบจับเวลารอบ ระบบควบคุมความเร็วในพิท และระบบควิกชิฟเตอร์ 2.0
การจำหน่าย
มีสีเดียวให้เลือกอย่างที่เห็นแต่สามารถเพิ่มออปชันอื่น ๆ ได้หากต้องการ โดยราคารถเริ่มต้นที่ 43,990 ยูโรหรือราว ๆ 1.658 ล้านบาท คาดว่ามาไทยก็คงกระโดดไปอีกไกลพอสมควร แต่ถ้าคุณไม่ได้เน้นขี่สนาม โมเดลสแตนดาร์ดก็น่าจะพอแล้ว ทว่าคนไทยหัวใจนักซิ่งย่อมมี แต่บ้านเราจะนำมาจำหน่ายเมื่อไหร่ต้องติดตามกันต่อไป
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่