Skip to content
2026 Tenere 700 World Raid อัปเกรดเทคโนโลยี เติมความพรีเมียม
เปิดตัวมาแล้วกับยอดแอดเวนเจอร์ไบค์สไตล์แรลลี่สายพันธุ์ดาการ์จาก Yamaha กับ 2026 Tenere 700 World Raid ที่ครั้งนี้เปิดตัวจากฝั่งยุโรปพร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีใหม่ให้ทันสมัย พร้อมกับเติมชิ้นส่วนใหม่ ๆ เพิ่มความพรีเมียมเข้าไป บอกก่อนสั้น ๆ ตรงนี้ว่า โคตรดี โคตรโดน
ดีไซน์
ยังคงรักษาความโดดเด่นในแบบของเทเนเร่ไว้ได้อย่างดี โดยเฉพาะไฟหน้า LED สี่ดวงโดดเด่น ซึ่งมีการปรับให้ใช้ไฟทรงเหลี่ยมแทนแล้วยึดกันด้วยขาจับอลูมิเนียม
ตัวรถมีเส้นสายใหม่จากการมีเบาะนั่งแบบชิ้นเดียวพร้อมปรับการ์ดด้านข้างให้ใช้งานเวลาขับขี่และควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้รถดูลงตัวมากขึ้นด้วย มีชิลด์หน้าใหม่และดีเฟล็กเตอร์แบบถอดออกได้ กันลมได้ดีขึ้น หรือถ้าร้อนก็ถอดแผ่นเบี่ยงลมออกได้
ส่วนค็อกพิทเองก็มีการปรับขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสีใหม่ใหญ่ขึ้นเป็น 6.3 นิ้วแบบแนวตั้งเหมาะกับสไตล์การขับขี่แถมปรับการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ Street, Explorer และ Raid แน่นอนว่าเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้
ทางค่ายยังปรับปุ่มควบคุมที่ปะกับสวิตช์ใหม่ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นอีกด้วย อ่อแล้วยังมีช่องจ่ายไฟ USB-C พร้อมฝากันน้ำมาให้ที่ฝั่งขวาของค็อกพิทด้วย
เครื่องยนต์
ยังคงเป็นเครื่อง CP2 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 689 ซีซี ปรับให้รับกับ Euro5+ ไม่เสียความแรง ด้วยการปรับฝั่งไอดีเสียใหม่ทำให้ได้แรงบิดดีตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้ออกตัวได้ดี และเหมาะกับการขับขี่แบบออฟโร้ด เคลมกำลังแรงม้าสูงสุด 73.4 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 68 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที โดยมีถังน้ำมันแบบคู่แบบแรลลี่จุได้มากถึง 23 ลิตรซึ่งออกแบบมาใหม่เบากว่าเดิม 1.5 กก. เคลมมาวิ่งได้ไกลถึง 500 กม.
ช่วงล่าง
ทางยามาฮ่าอัปเกรดช่วงล่างใหม่ให้ด้วย โดยเฟรมมีการปรับปรุงใหม่แข็งแรงแต่น้ำหนักเบากว่าเดิม และมีสวิงอาร์มอลูมิเนียม มีระบบกันสะเทือนใหม่จาก KYB แบบปรับแต่งได้เต็มระบบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยโช้คหน้าหัวกลับขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 46 มม. เดิม 43 มม. ร่วมกับแผงคออลูมิเนียมเกรดสูงใหม่ ทำให้น้ำหนักไม่เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังปรับเซ็ตค่าให้ใหม่ให้ตอบโจทย์มากขึ้น
ขณะที่ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ร่วมกับกระเดื่องที่เป็นของใหม่เพิ่มระยะยุบอีก 5 มม. นอกจากนี้ยังมีระยะยุบรถโดยรวมมากขึ้นกว่าตัวปกติอยู่ 20 มม. ตอบโจทย์การขับขี่ออฟโร้ดมากขึ้น แล้วเขายังมีกันสะบัดใหม่อีกด้วยนะ
ส่วนระบบเบรกก็อัปเกรดเป็นสายเบรกถักใหม่ ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ 280 มม. กับคาลิเปอร์เบรก Brembo ด้านหลังดิสก์เดี่ยว 245 มม. กับคาลิเปอร์เบรก Brembo เช่นกัน ส่วนล้อจะเป็นล้อซี่ลวดรัดด้วยยาง Pirelli Scorpion Rally STR ที่เหมาะกับการขี่ทางดำและทางฝุ่นในสัดส่วน 50/50 กับขนาด 90/90 – 21 M/C 54V และ 150/70 R 18 M/C 70V หน้าหลังตามลำดับ
เทคโนโลยี
ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการอัปเกรดในโมเดลนี้เลย ตอนนี้เจ้านี่สั่งงานด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้าหรือ Yamaha Chip Controlled Throttle พร้อมโหมดการขับขี่ 2 โหมด Sport และ Explorer ยังมีระบบ IMU แบบ 6 แกนที่เป็นส่วนสำคัญในการป้อนข้อมูลให้ระบบอื่น ๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแทรคชันคอนโทรล ระบบควบคุมการสไลด์ ระบบเบรก ABS และระบบควบคุมเบรก
นอกจากนี้แล้วยังมีระบบครูซคอนโทรลและระบบจำกัดความเร็วซึ่งเหมาะกับการเดินทางไกล
การจำหน่าย
สุดท้ายนี้จำหน่ายด้วยกันสองสีคือ สีแดง-ขาว Redline White และสีดำทอง Midnight Black ส่วนราคายังไม่กำหนด หากอิงจากราคาตัวปัจจุบันที่ไทยขายอยู่ที่ 479,000 บาท โมเดลใหม่คันนี้ราคาน่าจะทะลุ 5 แสนบาทไปอยู่สักหน่อย อาจจะอยู่ที่ 5 แสนต้นไม่ถึง 5 แสนกลางก็เป็นได้
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
