Beta Alp 4.0 และ Alp X

Beta Alp 4.0 และ Alp X แอดเวนเจอร์ 2 สไตล์ ทรงนี้น่าขี่ไม่ใช่เล่น

Beta Alp 4.0 และ Alp X แอดเวนเจอร์ 2 สไตล์ ทรงนี้น่าขี่ไม่ใช่เล่น

Beta Alp 4.0 และ Alp XBeta Alp 4.0 และ Alp X

คำว่ารถสายลุยไม่เคยเอาท์ ไม่ใช่คำพูดเกินจริง เพราะรถประเภทนี้ถึงจะไม่ทำยอดขายถล่มทลาย แต่ไม่เคยตายไปจากใจคนเล่นสองล้อ และ 2026 Beta Alp 4.0 กับ Alp X คือ 2 รุ่นสายลุย ที่ต้นสังกัดเรียกว่า Mini Adventure อาจจะฟังดูน่ารัก แต่เจาะลึกคุณสมบัติลงไปแล้วพบว่า ไม่ธรรมดา…เพราะเบต้าจัดพิษสงไว้รอบตัวทีเดียว

พื้นฐานร่วมกัน

สโลแกนของ Beta ที่ว่า “Rideability” เป็นทิศทางหลักของการพัฒนารถทั้งสองรุ่น โดยใช้พื้นฐานเดียวกันคือ เครื่องยนต์ สูบเดี่ยว DOHC สี่จังหวะ 348 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ กำลังสูงสุด  35 แรงม้า

ระบบส่งกำลังเกียร์ 6 สปีด เมนเฟรมเหล็กกล้า โช้คอัพเทเลสโคปิกแบบธรรมดาขนาดแกน 43 มม. ช่วงยุบ 7.3 นิ้ว ขณะที่โช้คอัพหลังปรับสปริงพรีโหลดได้และมีช่วงยุบ 7.7 นิ้ว ที่แน่ๆคือองค์ประกอบทั้งหมดเหมือนกัน ยกเว้นล้อและยาง ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ถึง “สไตล์” ที่แตกต่างกันนั่นเอง

ตรงใจสายทางดำ Alp X

เป็นรุ่นที่เหมาะกับการใช้งาน “ออนโรด” ทั่วไป ขี่ในเมืองได้ (แต่ก็สามารถขี่บนเส้นทางลุยได้ประมาณหนึ่ง) เนื่องจากชุดล้อ-ยาง และดีไซน์มิติทำออกมาให้เหมาะกับ On Road มากกว่า ด้วยขนาดล้อหน้า 19 นิ้ว และล้อหลัง 17 นิ้ว ใช้ยาง Shinko Adventure Trail ที่ล้อหน้าเป็นรหัส E-804 และล้อหลังรหัส E-805

Alp X มาพร้อมตัวถังทรงเรียว เน้นสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก ไฟหน้า LED ทรงกลม

ความสูงของเบาะนั่ง ระบุไว้ที่ 855.9 มม.และมีน้ำหนักตัว 140 กก.

สายลุย ต้อง Alp 4.0

รุ่นนี้เน้นการขับขี่แบบ “ออฟโรด” มากกว่า โดยจะเห็นได้จากขนาดขอบล้อหน้า 21 นิ้ว และล้อหลัง 18 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Vee Rubber ที่มีดอกยางบั้งใหญ่ ตอบโจทย์การลงทางฝุ่น-ทางดินอย่างเต็มพิกัด

ตัวถังของ Alp 4.0 ออกแบบให้มีความโค้งมนมากกว่าและใช้ไฟหน้า LED ออกไปทาง “ทรงสี่เหลี่ยม”

ความสูงของเบาะนั่งก็แตกต่างคือ สูงกว่ารุ่น X เล็กน้อยที่ 866 มม. มีน้ำหนัก 142 กก. ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง

สำหรับในส่วน “ฟังก์ชั่น” ที่มีเหมือนกัน ก็ตามนี้ Riding Mode 2 ตัวเลือก โหมด ROAD และ โหมด Off ROAD แผงหน้าปัดจอสี TFT มีมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ มาตรวัดระยะทาง แสดงระดับน้ำมันเชื้อเพลิง เรนจ์ และตำแหน่งเกียร์

ที่น่าสนใจคือ สามารถปิดและเปิดระบบ ABS ของ Bosch ได้ด้วยปุ่มบนแฮนด์ ซึ่งระบบเบรกทั้งสองรุ่นใช้คาลิเปอร์หน้าลูกสูบคู่ของ Nissin พร้อมจานดิสก์แบบลอยตัวขนาด 290 มม. ส่วนคาลิเปอร์หลังลูกสูบเดี่ยวของ Nissin จับดิสก์ขนาด 220 มม.

ทั้งสองรุ่นเตรียมวางจำหน่ายรุ่นละ 2 สี

Alp 4.0 สีแดง และ สีขาว

Alp X สีเทาอ่อน และ สีเทาเข้ม

ราคาเมืองนอกเปิดมาที่ 6,490 ดอลลาร์ (ประมาณ 215,000 บาท) เริ่มส่งมอบเดือนมิถุนายน 2025

ตอนนี้ไม่เข้าไทย แต่จากปัญหากำแพงภาษี ก็ไม่แน่วันหน้าอาจจะมีรถแบรนด์เหล่านี้เข้ามาตั้งโรงงานบ้านเราก็ไม่แน่นะ!!

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่