Skip to content
Classic 650 2025 กับ 9 ประเด็นน่าสนใจ
โรยัล เอ็นฟีลด์ ประกาศเปิดตัววางขาย Royal Enfield Classic 650 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยรถรุ่นนี้มีสไตล์ที่ถ่ายทอด DNA ของตระกูล Classic ของ RE มาได้น่าสนใจ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ Royal Enfield 650 Twin ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ในโชว์รูมทั่วประเทศ ราคาเริ่มต้นที่ 249,900 บาท
1.คาแรกเตอร์ Classic เข้มกว่าเดิม
ภาพลักษณ์ชัดเจนว่าสืบทอดสายเลือดเดียวกับตระกูล Classic อย่างแจ่มชัด โดยเฉพาะโครงสร้างเฟรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับรุ่นในอดีตอย่าง OG Classic, Thunderbird และพัฒนาขึ้นอีกสเตปให้เหมาะกับรุ่นปัจจุบัน โดยใช้ร่วมกับ 2 โมเดลล่าสุดอย่าง Super Meteor และ Shotgun
เมนเฟรมชุดนี้ ออกแบบให้แขวนยึดเครื่องยนต์ในลักษณะทำมุมเฉียงไปข้างหน้า ทำให้ได้บุคลิกที่ดูทรงพลังพร้อม ๆ กับความบาลานซ์ที่ดี ซับเฟรมด้านท้ายเอื้อต่อการติดตั้งเบาะ Dual Seat และแร็ก ซึ่งสามารถถอดเบาะซ้อนท้ายและแร็กออกได้ หากใครอยากได้ทรงแบบ “นั่งเดี่ยว”
งานดีไซน์ทั้งคันยังคงกลิ่นอายสไตล์อังกฤษยุคหลังสงคราม เน้นเส้นสายโค้งมนสวยงามหัวจรดท้าย เสริมรายละเอียดสวยงามมากมายด้วยโครเมียมและอะลูมิเนียมขัดเงา เช่น บริเวณโคมไฟหน้า ชุดไฟเลี้ยวหน้า ถ้าในรุ่น Black Chrome ก็จะเพิ่มความเงางามของถังน้ำมันทรงหยดน้ำ (ความจุ 14.7ลิตร) ใช้งานแฮนด์คราฟท์แท้ ๆเขียนลายเส้น ท่อและการ์ดกันร้อน แคร้งค์และฝาสูบ รวมทั้ง ดุมล้อ บังโคลนหน้า-หลัง
ด้านระบบส่องสว่าง Full LED ชุดไฟแบบ “Nacelle” ติดตั้งไฟหน้า LED ชุดใหม่ ควบคู่ “Tiger Lamps” หรือไฟหรี่คู่ พร้อมแก๊ปไฟหน้าที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ Royal Enfield มาตั้งแต่ปี 1954
2.ขุมพลัง 650 Twin
เครื่องยนต์ Parallel Twin ปริมาตร 648 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังสูงสุด 46.4 แรงม้าที่ 7,250 รอบ/นาที จูนใหม่เพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้น รอบต้นหนักแน่นและเน้นย่านกำลัง Mid-Range ที่กว้างเป็นพิเศษ ส่วนเกียร์ 6 สปีด ปรับกลไกเปลี่ยนเกียร์ได้ราบรื่น พร้อมคุณบัติของเครื่องยนต์ที่จัดการกับอาการสะท้านได้อย่างน่าทึ่งทั้งในรอบต่ำและรอบสูง ทั้งยังมีสุ้มเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มด้วยท่อไอเสียคู่แบบ Peashooter
3.มิติการควบคุม
ท่านั่ง Classic 650 อยู่กึ่งกลางระหว่างท่าของ Super Meteor และ Shotgun กล่าวคือ ไม่เตี้ย-ไม่สูงเกินไป เบาะนั่งทรงอานม้ากว้างและนุ่ม ความสูงเบาะที่ 800 มม. สอดรับกับการควบคุมโดยรวมที่ถูกออกแบบมาให้กระชับตามหลักสรีระศาสตร์ ระยะฐานล้อ แฮนด์บาร์กว้าง 895 มม. มีตุ๊กตาแฮนด์เสริมให้ลักษณะเยื้องมาหาตัวคนขี่ ส่วนความสูงท้องรถ 145 มม. พร้อมน้ำหนักตัว(พร้อมของเหลว90%) 243 กก.
4.ช่วงล่าง
ระบบกันสะเทือนหน้า-หลัง บอกเลยไม่ธรรมดา เพราะใช้แบรนด์ Showa ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษมาสำหรับ Classic 650 โช้คหน้าคู่แบบเทเลสโคปิกแบบฟรีวาล์ว ขนาดแกน 43 มม. ช่วงยุบ 120 มม. ส่วนโช้คหลังไฮดรอลิกคู่ ช่วงยุบ 112 มม. รองรับน้ำหนักของรถ-คนขี่และการบรรทุกได้สบาย ๆ
5.ยาง
สไตล์ของ Classic 650 ไปกันได้สวยกับ ขนาดวงล้อที่ใช้ล้อซี่ลวดหน้า 19นิ้ ว หลัง 18 นิ้ว พร้อมยางหน้าขนาด 100/90-19 และยางหลังไซส์ใหญ่ 140/70-R18 ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของการขับเคลื่อนรถที่มีน้ำหนักขนาด 243 กก.ได้พอเหมาะและยังทรงตัวได้ดี
6.ระบบเบรก
ระบบหยุดความเร็ว ดิสก์เบรกหน้า-หลัง จานดิสก์หน้า 320 มม.จับด้วยคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ส่วนเบรกหลัง จานดิสก์ขนาด 300 มม.คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS 2 ชาแนล และมือเบรกแบบปรับค่าได้
7.ฟังก์ชั่น
ปะกับและชุดสวิตช์ควบคุมวัสดุอลูมิเนียม สวิตช์หมุนแบบโรตารี่ พร้อมช่องชาร์จ USB ส่วนแผงหน้าปัดมาแบบไฮบริดแต่เรียบง่าย เข็มวัดความเร็วมีการดีไซน์จอให้มีตัวเลขมาตรความเร็วทั้ง M/H และ K/M พร้อมหน้าจอ LCD ดิจิทัล แสดงข้อมูลครบทั้งมาตรวัดระยะทาง ทริปมิเตอร์ ระดับน้ำมัน เตือนการเข้ารับบริการ ตำแหน่งเกียร์ และนาฬิกา
8.ของแต่งตรงรุ่น
ทางแบรนด์มีชุดอุปกรณ์ตกแต่งแท้ (Genuine Motorcycle Accessories) สำหรับรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งสไตล์ Classic และ Classic Tourer เพื่อการปรับแต่งรถให้ตรงกับสไตล์ของผู้ขี่ ครบครันทั้งชุดแครชบาร์ แร็คท้าย เบาะคนซ้อน กระเป๋าแขวนข้าง ฟุตเพลต กระจกมองข้าง สปอตไลต์
9.ราคาเริ่มต้น 249,900 บาท
Royal Enfield Classic 650 2025 ดีไซน์เฉดสีเพื่อรำลึกถึง Classic 500 พร้อมเพิ่มสีใหม่
ได้แก่ สีน้ำเงิน Bruntingthorpe Blue และ สีแดง Vallam Red เปิดมาที่ 249,900 บาท ส่วน สีดำเงา Black Chrome 259,900 บาท พร้อมการรับประกัน 3 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง พร้อมโปรโมชั่น 3 ฟรี ได้แก่
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 3 ปี ไม่จํากัดจํานวนครั้ง
ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 3 ครั้ง
ฟรี Welcome Gift
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
