Skip to content
DRT Experience 2025 มันส์ไม่เหมือนใครกับ HD ที่เซปัง
Harley-Davidson จัด DRT Experience 2025 กิจกรรมสุดพิเศษที่สาวก Harley-Davidson จะได้เข้าถึงประสบการณ์ระดับสุดยอดของการขับขี่ ทั้งยังเปิดโอกาสให้เหล่าตัวแทนของมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์จากเอเชียอาคเนย์ เข้าร่วมการทดสอบโมเดลใหม่ในปี 2025 เพื่อถ่ายทอดสมรรถนะของตัวรถประกอบการตัดสินใจให้กับลูกค้าในอนาคตของทางแบรนด์อีกด้วย
กิจกรรมครั้งนี้จะพาเราไปไกลกันถึงสนามระดับโลก เซปังอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลกหลากหลายรายการ โดยเฉพาะกับ MotoGP สนามแห่งนี้สามารถเค้นหาสมรรถนะของตัวรถที่จะทำให้คุณดำดิ่งสู่ความเร้าใจไม่รู้จบ ในฐานะตัวแทนของมีเดียไทยผม แทน ธรรมชาติ ก็จะร่วมหาคำตอบถึงความสมรรถนะของ Harley-Davidson ที่มุ่งสู่การพัตนาเพื่อผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด
และในปีหน้าเองก็จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทางแบรนด์ได้ก้าวสู่เวทีการแข่งขันในระดับสูงสุดเพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมกับการแข่งขัน King of the Bagger จะถูกบรรจุสู่รายกายแข่งขัน MotoGP การแข่งขันระดับโลกของยานยนต์สองล้อที่แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง
ครั้งนี้เราเดินทางมายัง กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สนามแข่งรถ เซปังฯ ร่วมกิจกรรมที่ก่อนหน้าเคยจัดแล้วในประเทศไทย ทั้งในสนาม 8 speed เขาใหญ่ที่ผมเคยร่วม หรือก่อนหน้าที่จัดขึ้นในสนามพีระเซอร์กิต โดยทีมไทยเราเดินทางกันมาทั้งหมด 4 คน ได้แก่ คุณแอนนี่ ปริษนา, คุณแซม สแคลมเบอร์, คุณพล MotoRival และผมแทน ธรรมชาติ จาก MTC หรือ Motocross Magazine แต่เรามีแขกพิเศษอีก 1 ท่านกับน้อง ChaOey ชะเอ๋ย มาร่วมสร้างสีสันในทริปนี้อีกด้วย โดยทีมไทยได้ร่วมกับสาวสวยจาก สิงคโปร์ และพี่ชายชาวอินโด อีกหนึ่งท่าน ที่จะร่วมขับขี่ในกรุ๊ปเดียวกัน เราโชคดีได้ขี่ตามลำดับตามชื้องานเลย Dirt Road Tack ช่วงเช้าก็ออกไปลุยกันก่อนเลย !!!
Dirt – Pan America 1250 2025
อีกหนึ่งแอดเวนเจอร์ทัวริ่ง โมเดลหนึ่งเดียวตัวลุยตัวจบของค่าย กับเส้นทาง Off-Road บริเวณใกล้ ๆ สนามเซปัง ระยะทางต่อรอบประมาณ 3 กิโลเมคร มีน้ำ มีโค้งให้เล่นไม่ได้โหดจนเกินไป ก่อนทดสอบผมได้มีโอกาสสัมผัสโมเดลเก่าเพื่อเดินทางมาที่สนามขับขี่ แต่ช่วงที่ปล่อยให้ทดสอบจริงก็จะได้ขับตัวปี 2025
สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือ น้ำหนักที่หายไป เบากว่าอย่างชัดเจน เป็นการพัฒนาในเรื่องชิ้นส่วน ๆ ต่างไล่เบาให้เพื่อให้ ตัวรถไม่เป็นภาระกับผู้ขับขี่ จุดนี้ทำให้ผมสามารถควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น พละกำลังยังคงเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักความมันความดิบ แรงบิดมีให้ใช้เหลือๆ สนุกได้แม่นยำและมั่นใจด้วยคันเร่งไฟฟ้าที่ทำงานผ่านโหมดการขับขี่ที่ทำให้เราสนุกได้ในทุกเส้นทาง และอีก 1 จุดสังเกต คือ เรื่องของความร้อนผมรู้ได้เลยว่ามันน้อยลงจากตัวเดิมที่ผมเคยได้ขับขี่ เพราะมีการพัฒนาในเรื่องทางเดินออยคูลเลอร์ ใหม่ตั้งแต่ ปี 2024 ความร้อนจากตัวรถถือว่าจัดการได้ดีเลย สนุกมากเสียดายเวลาน้อยไปนิด
Road – Low Rider S
สำหรับขี่ถนนผมเลือก Low Rider S หล่อ ๆ วัยรุ่นชอบ ไม่ใหญ่ไม่เล็กไป แต่โมเดลใหม่นี้พกเครื่องยนต์รหัสใหม่แบกความซิ่ง Stage 2 มาจากโรงงาน Milwaukee-Eight 117 H.O. รหัสพ่วงท้ายใหม่ High-Output ทำให้อารมการขับขี่แต่ต่างไปจากเครื่องยนต์ 117 ธรรมดาไปเลย
จากเดิมที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 5,000 รอบ/นาที ถูกดันกระโดดมาที่ 5,600 รอบ/นาที ออกไปขี่บริเวณไฮเวย์รอบ ๆ สนามเซปัง บอกเลยว่าได้อารมณ์มาก เหมาะมาก ๆ กับรถสไตล์นี้ เปิดคันเร่งที่ความเร็ว 120 กม./ชม. เปิดทีเดียวเด้งฟาดไป 180 กม./ชม. ได้แบบง่าย ๆ ในไม่กีวินาที ขี่สนุกและคล่องตัวมากขึ้น เหมาะกับวัยรุ่นสายซิ่ง แต่ถ้าอยากออกทรงจิ๊กโก๋ขึ้นมีโม่งหน่อยก็แอบมีในให้ Low Rider ST ที่หล่อเกินต้านเช่นกัน
Track – Pan America 1250 ST
จบจากถนนก็ได้เวลาเปลี่ยนไปใส่ชุดเรซซิ่งสูทแล้วลุยกันต่อในสนามระดับโลกอย่างเซปังฯ คงเป็นอีกหนึ่งในความฝันของสายเรซซิ่งเซอร์กิต ที่อยากมาสัมผัสประสบการณ์อันพิเศษสุดกับสนามที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลก ทั้ง F1 และปัจจุบันก็ยังคงเป็นสนามที่ใช้ในการแข่งขัน MotoGP อีกด้วย ซึ่งที่นี่ก็มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันจับเวลาเพื่อหาคนที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดในครั้งนี้ วิ่งทีล่ะ 1 คัน คันละ 3 รอบ เริ่มจับเวลารอบที่ 2 นับเวลาดีที่สุดจาก 2 รอบ
เวลาก็อยากทำ รถอีกหลายคันก็อยากขี่ ตั้งใจจะมาลอง CVO RG ST 2025 แต่รถมีมาให้ชมไม่ได้เปิดให้ทดสอบ แต่ก็ไม่ได้หมดโชค ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า มี CVO ตัวแต่งรถที่ใช้แข่งให้ลอง ผมนี่ยิ้มหวานเลยครับ แต่ก็อีก คิดในใจว่าถ้าจะกดเวลาคิดว่ารถที่เหมาะที่สุดน่าจะเป็น Pan America 1250 ST ด้วยวงล้อขนาด 17 นิ้ว หน้าหลัง บวกกับการที่ถูกพัฒนาให้ขี่บนถนนได้ดีมากยิ่งขึ้น โพสิชั่นการขับขี่น่าจะเลี้ยวได้ดีที่สุด
สรุปผมก็เลยทำทั้งสองอย่าง ผมขี่ CVO ตัวรถแข่ง 1 รอบ และเข้ามาเปลี่ยน Pan America 1250 ST ลงไปหวดเลย จริง ๆ ก็ ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลา แค่ลองขี่เต็มที่หาลิมิตของตัวรถ ตอนแรกเกร็ง ๆ กลัวรถจะเลี้ยวไม่เข้า แต่พอค่อย ๆ ลง รถเลี้ยวได้เลยมากนึกว่ารถสปอร์ต หลังจากนั้นก็สนุกมากเลย ถือเป็น 2 รอบในฝัน จนรู้สึกเวลาผ่านไปไวมาก พละกำลังเหลือ ๆ บิดกระเด้ง ช่วงล่างเอาอยู่เก็บหมดไม่สับไม่ส่าย เดินคันเร่งได้เต็ม ๆ กดความเร็วมากเต็ม ๆ เบรกหนักกับเทคโนโลยีเบรก Brembo ดิสก์เบรคคู่ พร้อม ABS หน้าหลัง เอาอยู่ มั่นใจได้เลย
สรุป
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณ Harley-Davidson Thailand และ Asia ที่ให้โอกาส MTC ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ สิ่งที่ได้สัมผัสกับโมเดลใหม่ของ H-D ในปี 2025 ต้องบอกเลย สัมผัสได้ถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเอกลักษ์ความเป็นตัวตนเดิมอยู่ พร้อมกับมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสปการ์ณที่ดีในการขับขี่ให้กับ ผู้ใช้ทั่วทั้งโลก การนำเอาเทคโนโลยี่ และความคลาสสิค ผสมผสานกันให้ได้อย่างลงตัว
ประทับใจมากสำหรับโอกาสพิเศษในครั้งนี้ แล้วเรื่องเวลาในสนามด้วยความที่รถขี่ง่ายแล้วก็ส่วนใหญ่ผู้ร่วมกิจกรรมหลายชาติก็อาจจะไม่เอาเรซซิ่งสูทกันมาผมก็เลยสามารได้ตำแหน่ง No.1 เวลาดีที่สุดในกิจกรรมนี้ไป และก็มีพี่พลที่ได้ที่ 3 ตัวแทนจากประเทศไทยไม่ทำให้ผิดหวังครับ จบทริปติดตามไว้ทริปหน้าจะไปลุยที่ไหนอีกไปกันต่อ !!!
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
