Livewire S2 Alpinista

Livewire S2 Alpinista รถไฟฟ้าจากเมืองลุงแซม วิ่งได้ไกลเกือบ 200 โล

Livewire S2 Alpinista โร้ดสเตอร์ไฟฟ้าจากเมืองลุงแซม วิ่งได้ไกลเกือบ 200 โล

Livewire S2 Alpinista

เปิดตัวโมเดลที่ 3 แล้วสำหรับไลฟ์ไวร์ ค่ายผู้ผลิตรถไฟฟ้าในเครือของทาง Harley-Davidson กับโมเดลใหม่ที่มีชื่อว่า Livewire S2 Alpinista ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในสไตล์โร้ดสเตอร์ที่เหมาะกับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและออกทริปเดินทางใกล้ ๆ

Livewire S2 Alpinista

สำหรับดีไซน์คันนี้ออกมาเป็นโร้ดสเตอร์สไตล์โมเดิร์นและมินิมัล ไม่มีชิ้นส่วนอะไรให้ยุ่งยากซับซ้อนเกินกว่าความจำเป็น แต่ก็มึวามโดดเด่นที่ด้านท้ายรถที่มาพร้อมไฟท้ายที่บริเวณกันดีด ซึ่งเป็นอะไรที่ดูเท่ในแบบของคัสตอม

Livewire S2 Alpinista

ขุมพลังไฟฟ้านั้นจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าวางกลางตัวเครื่องแล้วใช้สายพานเป็นตัวขับเคลื่อนส่งกำลังไปที่ล้อหลัง โดยเจ้ามอเตอร์ไฟฟ้านี้มีกำลัง 63 กิโลวัตต์หรือเทียบเท่า 84 แรงม้า กับแรงบิดขนาด 263 นิวตันเมตร ช่วยให้สามารถเร่งจาก 0 – 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าแรงระดับซูเปอร์ไบค์บางรุ่นยังอาย

เรื่องของแบตเตอรีนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญอีกจุดของโมเดลนี้ เป็นแบตเตอรีขนาด 10.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งทางค่ายเคลมมาว่าใช้งานในเมืองได้มากถึง 120 ไมล์หรือ 192 กิโลเมตร และใช้งานบนทางหลวงได้มากถึง 71 ไมล์หรือราว ๆ 113.6 กิโลเมตร โดยทดสอบที่ความเร็วเฉลี่ย 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เรื่องการชาร์จได้ 2 ระดับ ระดับ 1 หรือ Level 1 ชาร์จจาก 0 – 100% ใช้เวลา 8.4 ชั่วโมง ควิกชาร์จจาก 20 – 80% ใน 5.9 ชั่วโมง ส่วนระดับ 2 หรือ Level 2 ชาร์จจาก 0 – 100 ในเวลาเพียง 142 นาที และ ควิกชาร์จจาก 20 – 80% ได้ใน 78 นาทีเท่านั้น

ช่วงล่างของรถวางบนเฟรมแบบโมดูลาร์ที่ใช้ตัวพาวเวอร์เทรนอลูมิเนียมเป็นส่วนนึงในการรับโหลด ระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับขนาด 43 มม. จาก Showa ปรับแต่งได้ทั้งพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชัน ส่วนด้านหลังจะเป็นสวิงอาร์มอลูมิเนียมร่วมกับโช้คเดี่ยว Showa Free Piston  และกระเดื่อง สามารถปรับพรีโหลดและรีบาวด์ได้

ระบบเบรกให้มาเป็น Brembo ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวกับคาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อก 4 ลูกสูบ ด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวรวมกับคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว ปิดท้ายด้วยล้อจะเป็นอลูมิเนียมทำสีดำรัดด้วยยาง Dunlop RSIV ขนาด 120/70 ZR17 และ 180/55 ZR17 หน้าหลังตามลำดับ

มาพูดถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ กันบ้าง ตัวรถเด่นที่โหมดขับขี่แบบไดนามิก มีให้เลือกมากถึง 4 โหมดได้แก่ Sport, Road, Range และ Rain ทั้งยังมีโหมดคัสตอมที่ปรับแต่งค่าต่าง ๆ ได้เอง 1 โหมด ซึ่งแต่ละโหมดจะควบคุมเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ระบบรีเจเนอเรทีฟเบรกกิ้ง ระบบเบรก ABS การตอบสนองต่อคันเร่ง และแทรคชันคอนโทรล เรียกว่าแค่ปรับโหมดการขับขี่ก็ควบคุมการขับขี่ได้หมดเลย ซึ่งระบบความปลอดภัยก็จะมีระบบเบรกแบบ C-ABS ระบบควบคุมแดร็กทอร์คสลิป ที่จะช่วยควบคุมการสลิปของล้อหลัง ป้องกันล้อหลังล็อกเวลาใช้ระบบรีเจเนอเรทีฟเบรกกิ้งมาก ๆ

ส่วนเรื่องของความสะดวกสบายก็จะมีเรื่องของหน้าจอสี TFT ขนาด 4 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ อัปเดตเฟิร์มแวร์แบบ OTA ได้ และสุดท้ายตัวรถมีช่องจ่ายไฟแบบ USB-C ให้ใช้งานชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้สะดวก

Livewire S2 Alpinista

สำหรับเรื่องของการจำหน่ายบ้านเราน่าจะยากมาก เพราะตอนนี้บ้านเรายังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแม้ว่าจะมีคนนำเข้าแบรนด์นี้มาจอดเท่ ๆ แล้วก็ตาม แต่สเปคที่ให้มาถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว ทว่าราคาก็คงจะไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ส่วนใหญ่สักเท่าไหร่นัก เพราะราคาที่อเมริกาก็ปาไปเกือบ 550,000 บาท เมื่อคิดเป็นเงินไทยแบบตรง ๆ ไม่รวมภาษี ถ้ารวมภาษีบอกเลย ไม่น่าไหวแน่ ยกเว้นเงินเหลือจริง ๆ

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่