รีวิว New LEAD 125 เต็มทริป เอ.ที. สเป็คนี้ มี 5 ประเด็นต้องรู้!!

เรื่อง : 13pM ,ภาพ : กัน1000R
…ในที่สุดมอเตอร์ไซค์ที่ผม “รอคอย” อยากรีวิวอย่าง New Lead 125 ถูกส่งมาให้ถึงมือ พร้อมกับคำถามในใจว่า ด้วยสไตล์ เอ.ที. หน้าตาหรูดูดีแถมมีฟังก์ชั่นเพียบขนาดนี้ พอขี่จริงแล้วจะ “ได้เรื่อง” ขนาดไหน? และนี่คือ 5 ประเด็นจากการลองขี่ New Lead 125 เอ.ที.ที่ฮอนด้าบอกว่าเหมาะสำหรับคน “มีของ”

1.มิติและการคอนโทรล
เรื่องแรกที่ตั้งใจ “จับอาการ” หลังจากออกไปขี่ New Lead 125 ใน “กลางเมือง” คือเรื่องของ “การควบคุม” เนื่องจากเป็นรถที่ออกแบบตามโจทย์ “ใช้งานในเมือง” ซึ่งควรจะมี มิติที่ปราดเปรียว กระชับ คล่องตัว และอยากบอกว่า Lead ทำได้ดีในเรื่องนี้ครับ ด้วยความสูงเบาะเพียง 760 มม.(คนขี่สูง 160 ซม. วางเท้าลงพื้นถนนได้เกือบเต็ม) และให้ทรงเบาะกว้างนั่งสบาย ตำแหน่งวางเท้าเป็นท่านั่งสกู๊ตเตอร์เป๊ะๆ คือเข่าชัน ด้วยไซส์ตัวผมก็สบายมากๆ (หากใครมีความสูง 180-185 ซม.อาจจะไม่เหมาะกับรถคันนี้ เพราะเลี้ยวแล้วอาจจะติดเข่า)

ขณะที่ระยะฐานล้อยาว 1,273 มม. มุมคาสเตอร์ 26 องศา กับระยะเทรล 75 มม. รวมถึงระยะแฮนด์บาร์เป็นส่วนสำคัญทำให้การขี่ Lead เลี้ยว+ มุด ซอกแซก ทำได้ง่ายมาก(แฮนด์กว้าง 680 มม.เท่านั้น) ส่วนน้ำหนักรถระบุมา 114 กก. ซึ่งตัวแต่ง H2C ที่เราใช้ทดสอบ มีนน.เพิ่มมาเพียงเล็กน้อย โดยรวมเรื่องความคล่องตัวในเมืองดีเยี่ยมครับ



2.ฟังก์ชั่น
เรื่องฟังก์ชั่นถือว่าเป็น “ความโดดเด่น” ที่สุดของ New Lead 125 เพราะตั้งแต่แรกเห็นจนได้สัมผัสขับขี่ใช้งานครบจบทริป ผมพบว่าฟังก์ชั่นของรถรุ่นนี้ให้ความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้สูงมาก เริ่มที่ความจุสุดๆของยูบ๊อกซ์ให้มาถึง 37 ลิตร!! สำหรับไบเกอร์ทั่วไป ความจุแบบนี้ก็ใส่หมวกกันน็อคได้สองใบ(เต็มใบและครึ่งใบ) ซึ่งพื้นที่ใต้เบาะนี้รองรับการใช้งานของบรรดาผู้ใช้ที่นำรถไปทำงานเดลิเวอรี่ ส่งของ ส่งสินค้าเพราะบรรทุกสินค้าได้เยอะ แถมบาร์ท้ายที่ติดรถมาออกแบบให้มีความยาวพร้อมสำหรับการติดตั้งถาดและกล่องท้ายเพื่อ “ใช้งาน” ได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากนั้นระบบกุญแจชัตเตอร์คีย์เป็นปุ่มเปิดเบาะ-ฝาถังน้ำมันมาให้พร้อม ถังน้ำมันจุ 6 ลิตร(เยอะมากสำหรับรถ 125ซีซี.) ช่องเติมน้ำมันซ่อนอยู่ตรงคอนโซล ทำให้สะดวกในการเติมน้ำมัน


ขาดไม่ได้เลยคือช่องจ่ายไฟแบบที่จุดบุหรี่อยู่ในช่องเก็บของด้านซ้ายของคอนโซล (ช่องจ่ายไฟแบบนี้มีอแดปเตอร์แปลงเป็น USB ขายใน 7-11 ครับ) โดยช่องเก็บของตรงนี้ใส่ขวดน้ำหรือโทรศัพท์ได้สบายๆ และในจุดต่ำกว่าแผงคอลงมามีติดตั้งห่วงสำหรับแขวนของมาให้ด้วย ขณะที่ขาตั้งข้าง มี Side Stand Switch ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกจุด

สุดท้ายคือ “หน้าปัดเรือนไมล์” แบบลูกผสม แม้จะให้วัดความเร็วแบบเข็ม แต่ด้านล่างมีจอดิจิทัลที่สามารถเลือกการบอกระยะทางรวม เลือกเซ็ททริปได้ 1 เซ็ท และกดดูนาฬิกาได้ ทั้งนี้คนที่เลือกซื้อ New Lead 125 ตัวชุดแต่ง H2C แบบคันที่เรานำมารีวิวก็จะได้ออพชั่นครบขึ้นไปอีกเพราะติดตั้งที่จับมือถือ ปูแผ่นรองที่วางเท้ากันลื่น รวมทั้งติดกล่องท้าย 30 ลิตรรองรับการ “ขนของ” ครบๆเลย


3. ช่วงล่างไหวมั้ย? โช้คหลังเดี่ยว ยูนิตสวิง
อีกหนึ่งข้อสงสัยที่หลายคนถามถึงคือ “ช่วงล่าง” ซึ่ง New Lead 125ใช้โช้คหน้าเทเลสโคปิคแบบธรรมดา ทำงานร่วมกับโช้คหลังเดี่ยว ยูนิตสวิง(ติดตั้งไว้ฝั่งซ้าย) ฟีลลิ่งจากการขี่ด้วยน้ำหนักคนขี่ราวๆ 60 กก. และได้ลองครบจนทุกย่านความเร็ว รวมทั้งลอง “ซ้อนสอง” ด้วย พบว่าถ้า “ขี่คนเดียว” โช้คเดี่ยวเดิมๆด้านหลังค่อนข้างนุ่มนวลดีแล้ว แต่โช้คหน้าผมรู้สึกได้ว่าหากใช้ความเร็วเกิน 80 อาการหน้าเด้งๆมีมาให้รู้สึกมากทีเดียว ในจุดนี้ถ้าได้แหล่งเซ็ทไล่น้ำมันดีๆก็น่าจะจบได้ ส่วนฟีลลิ่งตอนซ้อนสองน้ำหนักบรรทุกก็ทำให้โช้คหนึบขึ้นมาก อย่างไรก็ตามคนที่ออกรถคันนี้ไปวิ่งงานทำเวลาใช้ความเร็วบ่อยๆก็แนะว่าเซ็ทอัพโช้คและหาจุดลงตัวเรื่องสปริงโช้คหลังให้เหมาะๆจะดีที่สุดครับ

ทั้งนี้ความเกี่ยวข้องของช่วงล่างยังมีเรื่อง “วงล้อ”  ที่ New Lead 125 ใช้ล้อหน้าขอบ 12 นิ้ว รัดด้วยยาง IRC ขนาด 90/90-12 ล้อหลังเล็กลงมาอีก เพราะใช้ขอบ 10 นิ้ว พร้อมยาง 100/90-10 ขนาดล้อแบบนี้ทำให้ฟีลลิ่งของการขับขี่ในเมืองมีความคล่องตัวสูงครับ แต่หากวิ่งไปด้วยความเร็วแล้วตกหลุมตามถนนช่วงที่มีการก่อสร้างหรือใครเผลอพลิกเลี้ยวไวๆก็อาจจะมีเหวอได้ (ตรงนี้เป็นเรื่องของการขับขี่อย่างเข้าใจคาแรคเตอร์ของไซส์ล้อด้วยนะ) ส่วนยางเดิมติดรถผมชอบครับหนึบดี ขี่ผ่านทางเปียก(โดยไม่ซิ่ง) ไม่มีปัญหาอะไร


4. Combi เบรก
ระบบเบรกของ New Lead 125 เป็นดิสก์เบรกหน้า-ดรัมเบรกหลัง พร้อมกับระบบตัวช่วย Combi Brake System ซึ่งฮอนด้านำมาใช้ในหลายรุ่นก่อนนี้ จากที่ใช้งานจริงตลอดเส้นทางและตั้งใจทดสอบการเบรก การหยุดความเร็วทำได้มาตรฐานครับ ระบบคอมบายเบรกนี่ถือว่าช่วยบรรดามือใหม่ได้เยอะเพราะช่วยกระจายแรงเบรกหน้า-หลังให้พอเหมาะ อย่างไรก็ตามก็แอบหวังว่าวันหน้าจะมีรุ่นท็อปที่ใส่ ABS มาให้เลย(ถึงจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นมา แต่ผมเชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายของ New Lead 125 มีกำลังซื้อครับ)



5.สมรรถนะเครื่องยนต์ กับความประหยัด!
ประเด็นที่ 5 เป็นเรื่องสำคัญมากๆเช่นกันคือขุมพลังของ New Lead125 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ eSP พิกัด 125 ซีซี. หัวฉีด PGM-Fi พร้อม “หม้อน้ำ” ระบายความร้อน ขับเคลื่อนบนสายพาน CVT ซึ่งช่วงท้ายของการทดสอบผมนำมันไปลองขี่ใช้งาน “ออกทริป” ในเส้นทางตจว.ไปกลับเกือบ 300 กม. เส้นทางแบบนี้ต้องพึ่งพาสมรรถนะเครื่องยนต์ค่อนข้างสูง เพราะมีทั้งการรักษาความเร็วสูงเพื่อให้เหมาะกับสภาพจราจรบนทางหลวงสายหลัก ทั้งยังต้อง “เร่งแซง” รถใหญ่อยู่ตลอดเวลา ผมพบว่าเครื่องยนต์ของรถคันนี้สมรรถนะ “ดีมาก” ครับ อัตราเร่งดี รอบเครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ อัตราทดที่ให้มาลองซ้อนสองแล้วไต่เนินชัน ผ่านแบบสบายๆ ส่วนความเร็วปลายผมลองวิ่งได้ประมาณ 118 กิโลเมตร/ชั่วโมง(แค่ลองให้รู้เพราะรถล้อเล็กแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับการขี่หมดปลอกยาวๆหรอกครับ)




สุดท้ายหลังจากขี่จบทริปมาดูอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงผมทำได้ที่ 58 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประหยัดน่าทึ่งเลย!!ทั้งนี้ New Lead 125 มีฟังก์ชั่น Idling Stop ไว้ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ขณะจอดนิ่งสนิทเข้ามาเพิ่มเรื่องความประหยัดและลดมลพิษ โดยมีสวิตซ์เปิด-ปิดได้ครับสำหรับใครที่ไม่ถนัดใช้ก็ปิดซะแค่นั้น

บทสรุป
สำหรับผม New Lead 125 จัดเป็น เอ.ที.ขนาดเล็กอีกหนึ่งรุ่นที่ลองแล้วรู้สึกเลยว่า “โดน” ด้วยหน้าตาภาพลักษณ์ดูดี มีความหรูรอบคัน โคมไฟก็สวยงามด้วยหลอด LED ทั้งไฟสูง-ต่ำและไฟหรี่-ไฟท้าย (ไฟเลี้ยวเป็นหลอดไส้) ฟีลลิ่งในการใช้งานขับขี่ก็ดีมากๆ เครื่องยนต์สมรรถนะดี ประหยัด แถมมีฟังก์ชั่นดีๆครบถ้วน รวมถึงมี “ออพชั่นเสริม” ของแต่งที่เลือกหามาเสริมสมรรถนะได้ไม่ยาก


รถรุ่นนี้มี 3 สีให้เลือก คือ ขาว, แดง, ดำ ราคาแนะนำเริ่มต้นสำหรับรุ่นปกติที่ 55,500 บาท (ส่วนรุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นตัวแต่ง H2C ที่ราคาเพิ่มไปอีกสเต็ป)
ลองสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Honda Wing Center ทั่วประเทศ