NT1100 2025

NT1100 2025 ทัวริ่งบิ๊กไซส์ จูนใหม่ ใส่เทคเพิ่ม จาก Honda

NT1100 2025 ทัวริ่งบิ๊กไซส์ จูนใหม่ ใส่เทคเพิ่ม จาก Honda

NT1100 2025 

สะดวกสบาย คล่องตัว และขี่สนุก คือคำนิยามสั้น ๆ ของ Honda NT1100 2025 ทัวริ่งบิ๊กไซส์ของค่ายปีกนก ที่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่สีสันใหม่ แต่มีการปรับโฉม จูนเครื่อง ใส่เทคโนโลยีให้ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ใส่โช้คปรับไฟฟ้ามาให้อีกด้วย

รูปร่างภายนอกของโมเดลนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยให้มีเส้นสายที่เฉียบคมและสอดคล้องกับหลักแอโรไดนามิกหรืออากาศพลศาสตร์มากที่สุด โดยที่ท่านั่งยังคงความสบายในแบบของรถใช้งานทางไกล

NT1100 2025

ไฮไลท์คือไฟหน้าคู่ใหม่ที่ตอนนี้มีเดย์ไทม์รันนิงไลท์ที่ผนวกเอาไฟเลี้ยวไว้ด้านในด้วย ไม่เพียงแต่สวยหรู ยังช่วยเรื่องแอโรไดนามิกได้อีกด้วย ชิลด์หน้าใหม่ก็สามารถปรับระดับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวอีกด้วย คล้าย ๆ กับเจ้า X-ADV เลย เบาะนั่งเองก็มีการปรับให้กว้างขึ้นเพื่อความสบายในการนั่ง ก่องข้างเองก็มีความจุเพิ่มขึ้นจนสามารถใส่หมวกเต็มใบได้แล้ว และสุดท้ายคือด้านท้ายบังโคลนหน้ายาวขึ้นเพื่อกันฝุ่นกันโคลนให้ดียิ่งขึ้น

NT1100 2025

สำหรับขุมพลังนั้นยังคงเป็นบล็อกเดิมที่เป็นเครื่อง 2 สูบเรียงขนาด 1,084 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ทว่ามีการปรับจูนใหม่ ทั้งในส่วนของไอดี การเผาไหม้และไอเสีย ทำให้มีแรงบิดมากขึ้น 7% ในช่วงรอบต่ำถึงรอบกลาง โดยที่ไม่ทำให้สูญเสียความแรงในรอบปลายไป เคลมกำลังแรงม้ามาที่ 100.5 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 112 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที โดยอาศัยเชื้อเพลิงจากถังขนาด 20.4 ลิตร

ทั้งนี้สำหรับเจ้าเอ็นทีรุ่น DCT ก็จะมาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ DCT ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย ซึ่งได้รับการปรับปรุงมาใหม่ให้มีทำงานรอบต่ำได้ดีขึ้นรวมถึงทำงานร่วมกับ IMU เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าโค้งทำได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของช่วงล่างตัวรถใช้เฟรมแบบเซมิดับเบิลเครเดิลที่มีมิติค่อนข้างกระชับ ทำให้รู้สึกคล่องตัว โดยมีระบบกันสะเทือนจากทาง Showa ที่สามารถปรับพรีโหลดได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มม.ร่วมกับคาลิเปอร์เบรกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังดิสก์เดี่ยว 256 มม.กับคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว ส่วนล้ออลูมิเนียมไม่ใช้ยางในมาพร้อมยางขนาด 120/70-17 และ 180/55-17 หน้าหลังตามลำดับ

NT1100 2025

ในส่วนของเทคโนโลยีนั้นตอนนี้ระบบ IMU หรือหน่วยประมวลผลแรงเฉื่อยนั้นไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกับระบบ HSTC หรือแทรคชันคอนโทรลของทางค่ายที่ผนวกรวมเข้ากับระบบป้องกันการลอยตัวของล้อหน้าที่ปรับได้ 3 ระดับแล้ว ตอนนี้ยังทำงานร่วมกับระบบเบรก Cornering ABS และ ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อหลัง รวมไปถึงโหมดการขับขี่ 3 โหมดหลัก URBAN, RAIN และ TOUR ที่ปรับเซ็ตระบบควบคุมกำลังเครื่องยนต์และระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรกมาให้เหมาะสมกับแต่ละโหมดแล้ว ผู้ใช้ยังมีโหมด USER ให้เลือกปรับตามใจชอบได้เองอีก 2 โหมด

เทคโนโลยีเดิมก็ยังอยู่อย่างหน้าจอสี 6.5 นิ้วแบบทัชสกรีน ปรับแต่งได้ ใช้งานร่วมกับ  Apple CarPlay หรือ Android Auto ก็ทำได้ ระบบครูซคอนโทรล อุ่นมือที่อัปเกรดมาแล้ว ช่องจ่ายไฟแบบ USB ระบบไฟเลี้ยวยกเลิกเองอัตโนมัติ ระบบไฟเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน

ส่วนรุ่น NT1100 Electric Suspension ก็จะเป็นรุ่นย่อยใหม่ที่มีระบบกันสะเทือนไฟฟ้าจาก Showa ในชื่อว่า Showa Electronically Equipped Ride Adjustment (Showa-EERA) ซึ่งจะช่วยปรับความหนืดหรือแดมปิ้งให้ในทุกสภาวะการขับขี่และทุกสถานการณ์ ทั้งยังช่วยปรับสปริงพรีโหลดด้านหลังให้เข้ากับน้ำหนักการบรรทุกอีกด้วย ซึ่งสามารถปรับได้โดยไม่ต้องจอดรถอีกด้วย

สุดท้ายนี้เรื่องการจำหน่ายก็จะมีจำหน่ายด้วยกันใน 3 เฉดสีและ 3 รุ่นย่อย รุ่นสแตนดาร์ด รุ่น DCT และรุ่นโช้คไฟฟ้า สนนราคาก็คาดว่าจะมีการปรับขึ้นเล็กน้อย เว้นแต่รุ่นโช้คไฟฟ้าซึ่งน่าจะมีราคาโดดไปจากปกติพอสมควร ซึ่งก็น่าจะนำมาจำหน่ายในไทยด้วยเหมือนกัน แต่อาจจะต้องรอนานหน่อย งานนี้สายเดินทางรุ่นใหญ่ที่ชอบความสะดวกสบายล่ะก็ตัวนี้ตอบโจทย์แน่นอน

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่