Suzuki e-Address สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ค่ายคนระห่ำ เปิดตัวแล้วที่อินเดีย
น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับโมเดลใหม่ล่าสุดจากทางค่ายคนระห่ำ Suzuki e-Address สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ซึ่งได้ทำการเปิดตัวไปแล้วที่ประเทศอินเดีย และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีจำหน่ายในยุโรปอีกด้วย
สำหรับโมเดลนี้จัดเป็น BEV หรือ Battery Electric Vehicle หรือรถไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบที่ทางค่ายตั้งใจผลิตออกมาจำหน่ายเพื่อตอบสนองยุคที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ และเป็น 1 ใน 8 โมเดลที่ทางค่ายสัญญาไว้ว่าจะเปิดตัว EV ทั้งหมด 8 โมเดลใหม่ภายในปี 2030
ดีไซน์ของโมเดลนี้มีเส้นสายที่ดูโดดเด่นทันสมัยไม่เหมือนใคร เด่นด้วยไฟหน้าด้านบนและไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์แนวตั้งบริเวณด้านหน้าใต้ และไฟเลี้ยวแยกด้านล่างที่ดูเหมือนดวงตา ด้านท้ายเองก็มีไฟท้ายที่ดูโฉบเฉี่ยวเข้ากัน ซึ่งแน่นอนว่า LED เต็มระบบ พร้อมความเท่ไม่เหมือนใครจากล้อแม็ก 7 ก้าน
ขุมพลังของโมเดลนี้เป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากลางตัวรถขนาด 4.1 กิโลวัตต์ ประมาณ 5 .5 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 15 นิวตันเมตร ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แบบ LFP หรือแบตลิเทียมไอรอนฟอสเฟต ขนาด 3.07 กิโลวัตต์ 60 แอมป์ชั่วโมง ที่มีความทนทาน ปลอดภัย และมีไซเคิลในการชาร์จสูง
ตัวแบตใช้การชาร์จแบบซิงเกิลเฟซ ไฟฟ้ากระแสสลับ 200 – 240 โวลต์ หรือไฟบ้านได้เลย โดยสามารถชาร์จให้เต็มโดยใช้เวลา 6.7 ชม. พร้อมระบบป้องกันการโอเวอร์ชาร์จ ซึ่งช่องชาร์จไฟจะอย่าอยู่ที่ด้านหน้าใต้สวิตช์ควบคุมหลักของตัวรถที่สามารถปิดล็อกได้ ให้ระยะทางการใช้งานสูงสุดตามมาตรฐาน WMTC Class 1 มาที่ 87 กม. โดยทางค่ายให้ที่ชาร์จแบบพกพามาด้วย (แต่ทางค่ายบอกว่าไม่ควรพกไว้ใต้เบาะ)
ตัวรถมีช่วงล่างเป็นเฟรมแบบอันเดอร์โบน มีโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังจะเป็นสวิงอาร์มพร้อมโช้คเดี่ยว ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าเดี่ยวและดรัมเบรกที่ด้านหลังพร้อมระบบคอมบายเบรก รวมไปถึงระบบล็อกเบรกหลังสำหรับใช้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้น รัดด้วยยางแบบไม่ต้องใช้ยางในขนาด 90/90 – 12 และ 100/80 – 12 หน้าหลังตามลำดับ
เทคโนโลยีที่มาให้ก็ถือว่าทันสมัย เด่น ๆ เลยคือ โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ 3 โหมด คือ โหมด Eco เพื่อประหยัดพลังงาน โหมด A และโหมด B ซึ่งจะต่างกันที่การทำงานของระบบ Regenerative Brake System (ระบบช่วยเบรกและดึงพลังงานจลย์ที่เกิดจากการเบรกมาชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่) ซึ่งโหมด A ระบบนี้จะช่วยให้เบรกได้เร็วขึ้น ได้พลังงานกลับมามากขึ้นกว่า โหมด B อ่อ เขายังมีโหมดถอยหลังอีด้วยนะ ซึ่งใช้ง่ายมากเพียงแค่กดปุ่มเพียงปุ่มเดียว
ยังมีหน้าจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้วที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ สามารถใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของมือถือได้ รวมไปถึงระบบนำทางแบบเทิร์นบายเทิร์นได้อีกด้วย มีเซ็นเซอร์ทิปโอเวอร์ เมื่อรถล้มจะตัดการทำงานของตัวรถอัตโนมัติทันที เซ็นเซอร์ขาตั้งป้องกันการลืมเอาขาตั้งขึ้น ระบบ Auto Ready Cancel เมื่อจอดรถนาน 5 นาทีขึ้นไปรถจะดับเอง ป้องกันการเปิดคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ
ส่วนฟังก์ชั่นเรื่องของความสะดวกสบายของโมเดลนี้ก็จะมี ช่องเก็บของด้านหน้าซ้ายที่เพียงพอกับการเก็บขวดน้ำขนาดเล็ก 500 มล. มีช่องจ่ายไฟแบบ USB ขนาด 2 แอมป์ให้ใช้งาน ข้าง ๆ ช่องเก็บของยังมีตะขออเนกประสงค์ด้านหน้า ฝั่งตรงข้ามกันก็มีตะขออีกตัวให้ใช้งาน เหมาะกับการไปซื้อแกงสุด ๆ ใต้เบาะช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 17 ลิตร ใหญ่พอที่จะใส่ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย ๆ
นอกจากนี้ยังมีระบบสมาร์ทคีย์ที่มาพร้อมระบบแจ้งเตือนกุญแจหาย ระบบต้นหาตัวรถ ช่วยให้ชีวิตของคุณสะดวกสุด ๆ อีกด้วย
สุดท้ายนี้เรื่องของการจำหน่าย หลาย ๆ ประเทศน่าจะมีจำหน่ายเนื่องจากมันเป็นโกลบอลโมเดล แต่บ้านเรานั้นทางตัวแทนเราค่อนข้างจะมีความอินดี้นิดนึง ก็เลยต้องลุ้นเอาหนักหน่อยว่าจะมาขายมั้ย ราคาจะมาสู้กับรถไฟฟ้าจากจีน และแบรนด์ไทยในบ้านเราได้หรือเปล่า ซึ่งส่วนตัวแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะระยะการทำการออกจะน้อยไปสักหน่อยและราคาอาจจะแพง ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์คนไทยเท่าไหร่นัก
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่