Ultraviolette Tesseract

Ultraviolette Tesseract สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดล้ำจากแดนภารตะ

Ultraviolette Tesseract สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดล้ำจากแดนภารตะ

Ultraviolette Tesseract

Ultraviolette Tesseract สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดล้ำจากแบรนด์รถไฟฟ้าสมรรถนะสูงจากแดนภารตะเปิดตัวแล้ว แม้จะยังไม่พร้อมขายแบบทันทีทันใด แต่ก็ประมาณการณ์กันว่าจะขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่ที่น่าสนใจคือไม่เพียงแต่มีดีไซน์สุดล้ำ ยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัยใส่มาให้แบบแน่นเต็มคันอีกด้วย มีอะไรน่าสนใจบ้าง ผมจะพาไปดูกันครับ

Ultraviolette Tesseract

เรื่องดีไซน์บอกได้เลยว่าเป็นเหลี่ยมเป็นสันเฉียบคมชัดเจนได้กลิ่นอายความทันสมัยทุกมุมมอง ทั้งยังมีความโดดเด่นไม่เหมือนใครสุด ๆ ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านท้าย ชวนให้เหลียวมองจนคอเคล็ดจริง ๆ

Ultraviolette Tesseract

ในขณะที่เรื่องของสมรรถนะก็โดดเด่นและน่าสนใจ โดยมีขุมพลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 14.91 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากับรถขนาด 20 แรงม้า ขับได้ไกลมากสุดถึง 261 กม. (ขึ้นอยู่กับรุ่นความจุแบตเตอรี่ที่เลือก มี 3.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงไป 5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) สามารถทำท็อปสปีดได้ที่ 125 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0 – 60 กม./ชม.เร็วสุดที่ 2.9 วินาที รองรับการชาร์จแบบควิกชาร์จด้วยระบบซูเปอร์โนวา สามารถชาร์จจาก 20% – 80% ภายในเวลาน้อยกว่า 30 นาที ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างโอเคเลยทีเดียวในส่วนของขุมพลัง

Ultraviolette Tesseract

มาถึงในส่วนของช่วงล่าง เรื่องของเฟรมไม่ได้มีการระบุไว้ แต่เรื่องของระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็นโช้คแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังจะเป็นโช้คคู่ ขณะที่ระบบเบรกนั้นจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาพร้อมระบบเบรก ABS แบบดูอัลชาแนล ส่วนล้อจะเป็นล้อขนาด 14 นิ้วเท่ากันทั้งด้านหน้าและหลังรัดด้วยยางขนาด 110/80 – 14” และ 140/70 – 14” ตามลำดับ

ถัดมาเป็นเรื่องของเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นหลักของโมเดลนี้เลยก็ว่าได้ เพราะให้มาแน่นและล้ำสมัยจริง ๆ เมื่อเทียบกับโมเดลอื่น ๆ ในท้องตลาด โดยจะมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ว่าระบบ ADAS หรือ Advance Rider Assistance System ซึ่งเป็นระบบที่อิงการทำงานโดยใช้ข้อมูลจากระบบเรดาร์เป็นหลัก ซึ่งก็จะมีเรดาร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้รถสามารถใช้งานระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (แจ้งเตือนที่กระจกมองหลัง) ระบบเตือนการแซง ระบบช่วยเปลี่ยนเลน ระบบเตือนก่อนชน แล้วยังมีระบบแทรคชันคอนโทรล 2 โหมด ระบบไดนามิกรีเจ็น 4 ระดับ ช่วยชาร์จไฟกลับขณะชะลอความเร็ว ระบบช่วยหยุดรถบนทางลาดชัน และระบบช่วยจอดรถ

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในเรื่องของความสะดวกสบายอีกหลายอย่าง เริ่มจากหน้าจอสัมผัสสี TFT ขนาด 7 นิ้วสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานระบบต่าง ๆ รวมไปถึงระบบนำทางได้ รองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ผ่านระบบ OTA มีกล้องบันทึกวิดีโอการขับขี่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีช่องสำหรับชาร์ฟสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย มีระบบตอบสนองการกดปุ่มควบคุมที่แฮนด์เดิลบาร์ รวมไปถึงช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 34 ลิตร เพียงพอสำหรับเก็บหมวกกันน็อกเต็มใบได้แบบสบาย ๆ อีกด้วย

สุดท้ายนี้เรื่องของการจำหน่ายนั้นยังไม่มีการเปิดราคา และแม้ว่าแบรนด์นี้จะตั้งมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีตัวแทนในไทยเลย เพราะงั้นคนที่อยากต้องทำใจกันไปก่อน อย่างไรก็ดีโมเดลนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอินเดียเองก็มีผู้ผลิตรถที่น่าสนใจไม่น้อยหน้าไปกว่าจีนเลย หากบ้านเรามีตัวแทนบ้างก็น่าจะดีไม่น้อยเลยล่ะครับ

 

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่