…และนี่คือเรื่องราวที่ควรรู้ของZero DSR/X
180 กม./ชม. ในคันเร่งเดียว
Zero DSR/X ติดตั้งแบตเตอรี่ ZF17.3 ความจุ 17.3 KW วิ่งได้ไกลสุด 290 กม./1 ชาร์จ ส่งกำลังสู่มอเตอร์ Z-Force 75-10 ที่ 100 แรงม้า.. แรงบิดทรงพลัง “225 นิวตันเมตร” ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงหวดเปิดคันเร่งครั้งเดียวเท่านั้น ความเร็วท็อปสปีดที่ DSR/X ทำได้อยู่ที่ 180 กม./ชม. (ปรับจูนมาเพื่อ “เดินทาง” นะครับ อย่าลืม!)
ส่วนระยะทางสูงสุด 290 กม. เป็นผลคำนวณจากการใช้งาน “ภายในเมือง” ดังนั้น “ยิ่งขี่เร็ว ระยะทางที่ขี่ได้ก็จะลดลง”.. เช่นเดียวกับรถสันดาปนั่นแหละ.. ส่วนถ้าเป็นการวิ่งไฮเวย์ยาวๆคงต้องเริ่มหาสถานีชาร์จตั้งแต่ช่วง 136 กม. ขึ้นไป.. ซึ่งทาง Zero เคลมมาว่าถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆไป ไม่จมคันเร่ง ไม่ทำความเร็วตลอดเวลา.. จะวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 185 กม. หรือหากคิดว่าระยะทางที่ได้มันไม่พอมือก็มีออพชันให้แต่งเติมเพิ่มความจุแบตเตอรี่ได้อีกนิด บวกระยะทางวิ่งได้อีกกว่า 40 กม. รวมถึงการติดตั้ง Rapid Charge Module ที่สามารถนำรถไปเสียบชาร์จตามสถานีชาร์จไฮสปีดได้ ทำให้ใช้เวลาชาร์จ 0-95% เพียง 1 ชม. เท่านั้น
เรื่องระยะทางที่หลายๆคนกังวลนั้น Zero ได้จับมือกับ Backcountry Discovery Routes บริษัทจัดทำแผนที่สำหรับสายลุย เพื่อปักหมุดสถานีชาร์จ EV เข้าไปในแผนที่ สำหรับลูกค้า Zero จะใช้ค้นหาตำแหน่งของสถานีชาร์จ และวางแผนเดินทางได้ดีขึ้นด้วย (ตอนนี้ยังเน้นที่อเมริกาอยู่นะครับ)
100,000 ชั่วโมง แห่งการออกแบบ “เพื่อการเดินทาง”
แม้จะมีการหยิบยืมชิ้นส่วนเฟรมมาจากโมเดลสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็น SR/S หรือ SR/F แต่ทีมงานของ Zero ยืนยันว่าเจ้า DSR/X นั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างออกมาชัดเจน.. “เพราะส่วนประกอบทั้งหมดใช้เวลาพัฒนาและออกแบบมากกว่า 100,000 ชั่วโมง! เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากมายที่รีเควสและรอคอยรถไฟฟ้าแอดเวนเจอร์ทัวริ่งจากZero”
หลักๆเลยคือระบบช่วงล่างโดดเด่นจัดเต็มสุด.. โช้คอัพหน้า Showa SFF-BP ขนาดแกน 47 มม. ระยะยุบกว่า 190 มม. ด้านหลังใส่โช้คอัพเดี่ยว Showa ขนาดแกน 46 มม. “ปรับระดับพรีโหลด อัตราการยุบ-คืนตัว ได้เต็มระบบทั้งโช้คหน้า-หลัง” ทำงานร่วมกับชุดยางขอบ 19 นิ้วหน้า 17 นิ้วหลังรุ่น Pirelli Scorpion Trail II และมีออพชันอื่นๆให้เลือกทั้ง ชุดล้อซี่ลวด, ชุดกล่องสัมภาระ, ชิลด์บังลมหน้า และชิ้นการ์ดอื่นๆรอบคันตรงรุ่นรถแอดเวนเจอร์ทัวร์ริง
เทคโนโลยีจัดเต็ม ( แน่นอนสิ )
ติดตั้งระบบปฏิบัติการณ์ Cypher III+ เวอร์ชันล่าสุด โดดเด่นที่มีโหมดถอยหลังความเร็วต่ำ(Low-Speed Reverse Mode) และโหมดเข็น สำหรับช่วยเหลือในการเข็นขยับรถ หรือนำรถเข้าจอด..ระบบ Bosch stability control system ที่เพิ่มเติมโหมดขับขี่ “Off-Road” ก่อนตามด้วยระบบ Linked-Brakes ช่วยกระจายแรงเบรกหน้าหลัง และ Hill-Hold Control (กันรถไหล 3 นาที) ช่วยจัดการกับรถเมื่อต้องจอดหรือหยุดนิ่งบริเวณทางลาดชันได้ง่ายขึ้น
ส่วนระบบพื้นฐานอื่นๆเช่น ครูซคอนโทรล, 5 โหมดขับขี่ (Eco, Standard, Sport, Rain และ Canyon) ก็สามารถเข้าไปปรับรายละเอียดการทำงานของรถในแต่ละโหมดเพิ่มเติมได้อีก หรือปั๊มเบรกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบด้านหน้าจาก J.Juanเอง ทำงานคู่กับดิสก์เบรกคู่หน้าก็เสริมความมั่นใจเรื่องการเบรกได้อยู่มือดีด้วย