2025-BMW-F900XR

2025 BMW F900XR อัปเกรดรอบคัน พร้อมซิ่งยิ่งกว่าเคย

2025 BMW F900XR อัปเกรดรอบคัน พร้อมซิ่งยิ่งกว่าเคย

2025 BMW F900XR

เปิดตัวมาพร้อม ๆ กับฝั่งเน็กเก็ดไบค์สำหรับเจ้า 2025 BMW F900XR สปอร์ตทัวริ่งจากค่ายรถเมืองบาวาเรีย ครั้งนี้มีการปรับปรุงใหม่รอบด้าน ไม่ใช่แค่ปรับสีสันหรือลายกราฟิกเพียงอย่างเดียว บอกสั้น ๆ ตรงนี้ก่อนเลยว่าปรับครั้งนี้น่าใช้ขึ้นเยอะเลยแหละ

รูปลักษณ์ก็อย่างที่เกริ่นไปนอกจากมีสีสันและกราฟิกใหม่ ยังมีการปรับปรุงเรื่องของแอโรไดนามิกส์ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนในส่วนของแฟริ่งหน้า ที่ปรับปรุงส่วนของตัวตัดลม ช่วยลดกระแสลมที่จะปะทะตัวผู้ขับขี่ ช่วยลดอาการสั่นสะเทือนที่หมวกกันน็อกและทำให้ขับขี่ได้สบายรวมไปถึงเมื่อยล้าน้อยลงด้วย ซึ่งดีต่อการขับขี่มาก ๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มการ์ดแฮนด์มาให้เป็นของติดรถเลยอีกด้วย

เรื่องของเครื่องยนต์ก็ปรับให้ผ่านมาตรฐาน Euro5+ ซึ่งยังคงเป็นขุมพลัง 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 895 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 93 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบต่อนาที โดยใช้เชื้อเพลิงจากถังน้ำมันขนาด 15.5 ลิตร สั่งงานด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด และขับเคลื่อนสุดท้ายด้วยระบบโซ่

2025 BMW F900XR

ช่วงล่างถือเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงรับปี 2025 เลย โดวตัวเฟรมนั้นยังคงเดิม แต่ระบบกันสะเทือนได้รับการอัปเกรดใหม่ ด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับ ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวกับสวิงอาร์ม ซึ่งสามารถปรับแต่งค่าพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชันได้เต็มระบบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งช่วยให้เซ็ตค่า ๆ ต่างออกมาได้ลงตัวกับการใช้งานของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี

ส่วนระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่กับคาลิเปอร์เบรกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวกับคาลิเปอร์เบรกลูกสูบเดี่ยว ส่วนล้อเป็นล้ออลูมิเนียมล้อใหม่มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมถึง 1.8 กิโลกรัม ส่วนยางก็จะมีขนาด 120/70 – ZR17 และ 180/55 – ZR17 หน้าหลังตามลำดับ

2025 BMW F900XR

มาพูดถึงเทคโนโลยีกันบ้าง ก็ถือว่าได้รับการระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมเข้ามามากมาย ทั้งระบบไดนามิกแทรคชันคอนโทรล ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบเบรก ABS Pro ระบบไดนามิกเบรกคอนโทรล มาเป็นพื้นฐานแล้ว โหมดการขับขี่ก็มีการเพิ่มโหมด Dynamic เข้ามาให้ด้วยเลยไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม ยังมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เบาลงกว่าเดิม 0.8 กิโลกรัมด้วยนะ

เท่านั้นยังไม่พอทางค่ายใจใหญ่จัดระบบไฟ Headlight Pro ให้อีกด้วย ก็จะมีระบบไฟที่ปรับองศาของลำแสงให้เหมาะสมกับการขับขี่อัตโนมัติ ยังมีช่องจ่ายไฟแบบ USB-C ที่ด้านขวาของคอกพิท และมีระบบอุ่นมืออีกด้วย

โดยรวมแล้วถือว่าปรับเปลี่ยนหลายจุดรอบคันเลยทีเดียว แถมยังให้ออปชันเยอะยิ่งกว่าตัวเน็กเก็ตรหัส R เสียอีก ยิ่งทำให้น่าใช้งานมากขึ้น ซึ่งโมเดลเดิมที่ขายไทยในตอนนี้เริ่มต้นอยู่ที่ 564,000 บาท ใครอยากเป็นเจ้าของก็กำเงินรอได้เลย เข้าไทยแน่นอน แต่ราคาจะปรับขึ้นมั้ยต้องตามลุ้นกัน

อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่

ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่