ภาพ : Vroom Thailand
…หลังจากตั้งตารอคอยกันมาระยะหนึ่ง ในที่สุด Vroom Thailand ผู้จัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ BAJAJ ในประเทศไทย ก็ส่งจม.อิเล็กทรอนิกส์ ชวนนิตยสารโมโตครอสไปร่วมทริปทดสอบขับขี่ BAJAJ เป็น “ครั้งแรก” ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ ซึ่ง Vroom ได้นำ BAJAJ ทั้ง 4 รุ่นมาให้ลองครบครัน ตั้งแต่ Pulsar NS160 ,NS200 ,RS200(สปอร์ต) รวมทั้งพี่ใหญ่ในกลุ่มนี้อย่าง Dominar J400 โดยมี “กลุ่มสื่อมวลชนสายแมกกาซีน” ชั้นนำของเมืองไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
…ด้วยระยะทางราวๆ 375 กม.ของทริปนี้ สามารถเรียกว่าเป็นทริป “ทดสอบ” อย่างเต็มปาก เพราะนอกจากจะได้สัมผัสสมรรถนะบนทางปกติแล้ว ขากลับยังลุยฝนและน้ำท่วมอีกเกือบ 80 กม. รู้เรื่องสมรรถนะกันสุดลิมิตเลย!! (อย่างที่ทราบกันว่า BAJAJ เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของอินเดียที่เป็นพันธมิตรกับ KTM ดังนั้น Know How จากแบรนด์ฝั่งยุโรปรายนี้ก็ถูกนำมาถ่ายทอดอยู่ในรถ BAJAJ ด้วย)
เริ่มต้นด้วย Pulsar NS200 สปอร์ตเปลือย
…ทริปนี้หลังจากประชุมรับทราบเส้นทางเรียบร้อย กลุ่มนักทดสอบก็ออกเดินทาง ผมเองก็เปิดทริปนี้ด้วย Pulsar NS200 ที่หมายถึงทรง “สปอร์ตเปลือย” ใช้เครื่องยนต์ สูบเดี่ยว ปริมาตร 199.5 ซีซี. DTS-I (3 หัวเทียน) ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด(ถังน้ำมันจุ 13 ลิตร) สตาร์ทเครื่องขึ้นมานี่บอกเลย นึกว่า KTM 200DUKE เพราะคาแรคเตอร์เครื่องออกมาคล้ายกันมาก เสียงเครื่องไม่เงียบ มาแนวดุแต่ไม่ดังโฉ่งฉ่าง
ลักษณะการขับขี่คือ กลุ่มนักทดสอบสลับกันขับขี่ทุกโมเดลจนครบทั้ง 4 รุ่น
สำหรับ Pulsar NS200 ช่วงเกียร์ทั้ง 6 สปีด(ไม่มีเลขบอกเกียร์นะครับ) มีความกระชับทีเดียว คันเร่งติดมือสอดรับกับพละกำลังที่มาฉับไว ขี่สนุกมาก ระบบเบรกซึ่งเป็น ABS ถือว่าให้มาเป็น “มาตรฐาน” และช่วงที่วิ่งผ่านออกไปสู่ เส้นองครักษ์-นครนายก ผมมีโอกาสได้กดท็อปสปีด ปรากฏว่าผมทำความเร็วของ Pulsar NS200 ได้ 148 กม./ชม. ที่ประมาณ 10,000 รอบ/นาที (เข็มรอบเริ่มเรดไลน์ที่ 9,000 ครับ) จากนั้นก็มีอาการรอบตัด ซึ่งชิฟต์ไลต์มุมขวาของหน้าปัดก็คอยกระพริบเตือนเป็นระยะๆ
….เรื่อง “ช่วงล่าง” ผมก็กล้าพูดได้ว่าประทับใจความหนึบของ NS200 ซึ่งใช้โช้คหน้าเทเลสโคปิคขนาดแกน 41 มม. และโช้คหลังเดี่ยวกับซับแทงค์ NITROX อาการจากช่วงล่างชุดนี้ประทับใจเกินคาดครับ หนึบจนนึกว่าติด WP มาเหมือน KTM เลย ส่วนเบรก ABS ลองแล้วการทำงานอยู่ในระดับปกติทั่่วๆไป
ลุยต่อที่ RS200 (สปอร์ตฟูลแฟริ่ง)
หลังจากถึงจุดพักบริเวณเนินหอมทางขึ้นเขาใหญ่ ผมสลับมาขี่ RS200 ที่ใช้พื้นฐานทั้งหมดเหมือนกับตัว NS200 แต่คันนี้มาแนว “สปอร์ตฟูลแฟริ่ง” ให้ไฟหน้ามาแบบโปรเจ็คเตอร์ กับไฟท้ายอย่างเท่
… RS200 ท่านั่งปรับต่างออกไปเล็กน้อย (ในใจคิดว่าถ้ารุ่นนี้เป็นแฮนด์เป็นจับโช้คจะลงตัวขึ้นอีก) ชุดคันเกียร์แบบเกียร์โยงให้อารมณ์สปอร์ตได้เหมือนกัน
ช่วงที่ขึ้นผ่านเขาใหญ่ถึงจะใช้ความเร็วตามกฎอุทยาน แต่ทางโค้งทั้งหลายก็เปิดให้สัมผัสสมรรถนะของยางติดรถได้ดี ยางเป็น IRC ROADWINNER หน้า 100/80-17 หลัง 130/70-17 สอบผ่าน ส่วนช่วงล่างก็หนึบเช่นเดียวกับตัว NS200 …อย่างที่บอก BAJAJ ทำงานของพวกเขาได้ไม่ธรรมดาครับ… อีกจุดที่ผมชอบของรุ่น RS200 คือท้ายสั้นกับบังโคลนที่ให้มาโดยไม่ต้องไปแปลงอีก
Dominar J400 ใหญ่สุดในกลุ่ม
….จากจุดเช็คพอยท์ที่สำคัญบนผาตรอมใจ ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผมเปลี่ยนไปลองขี่ “พี่ใหญ่” ของ BAJAJ อย่าง Dominar J400 เน็คเก็ตไบค์ตัวแรงที่ใช้เครื่องยนต์สูบเดี่ยว แคมฯคู่ DOHC (DTS-I สามหัวเทียน) ปริมาตร 373 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด (โดย “ความเร็วปลาย” คันที่ผมขี่ได้ 175 กม./ชม. ครับ จากทางตรงเส้นองครักษ์-นครนายก)
เครื่อง Dominar400 มีเสียงชวนให้นึกถึง 390 DUKE เพราะเครื่องยนต์ดุกร้าวเป็นเอกลักษณ์
ช่วงแรกที่ลอง J400 ผมได้ “ดูอาการ” ช่วงล่างเต็มๆเพราะเป็นการขับขี่ลงจากเขาใหญ่ ซึ่งโช้คหัวกลับและโช้คหลังเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ NITROX เป็นส่วนที่อยากให้คะแนนสูงๆได้เลย หนึบดีเยี่ยม
และช่วงลงเขายังได้ทดสอบการทำงานของ “สลิปเปอร์คลัทช์” อีกด้วย ซึ่งทำให้การเชนจ์ดาวน์เรียกเอนจินเบรกช่วงโค้งลงเขาทำได้อย่างสมูทพอเหมาะเลยครับ ทั้งนี้ Dominar J400 ใช้ยาง Michelin Road5 หน้า 110/70-17 หลัง 150/60-17เกาะโค้งได้ดีพอสมควร
เกียร์ 6 สปีดของ Dominar400 ดูเลขเกียร์ได้จากหน้าปัดตัวที่สองซึ่งฝังอยู่บนถังน้ำมัน
ทั้งนี้ Dominar J400 ให้เบรก ABS แบบ 2 ชาแนล ซึ่งถือว่าเป็นอีก หนึ่งออพชั่นที่ให้มาเหมาะสมกับค่าตัว
ขณะที่ ฟังก์ชั่นหน้าปัดเรือนไมล์แบบ 2 ชุด ที่ดูสปอร์ตและให้สัญญาณมาครบ อีกจุดที่ดูโดดเด่นคือชุดไฟหน้า LED และไฟท้าย LED
ปิดทริปด้วย Pulsar NS60 (160 ซีซี.) ลุยน้ำท่วม!!
ช่วงท้ายของการทดสอบ มีโอกาสสลับไปขี่น้องเล็ก NS160 ซึ่งเป็นสปอร์ตเปลือยขนาดกะทัดรัด เครื่องยนต์สูบเดี่ยว 160 ซีซี. (DTS-I) ระบบระบายด้วยความร้อนอากาศ (มีออยล์คูลเลอร์)
NS160 ใช้เกียร์ 5 สปีด กับน้ำหนักเบาเพียง 150 กก. เท่านั้น ทำให้การลุยขา “เข้าเมือง” ทำได้คล่องตัว
อย่างไรก็ตามผมมี “ข้อสังเกต” เล็กน้อยว่ารอบเครื่องยนต์ของตัว 160 มาช้าไปสักหน่อย (ไม่ฉับไวเหมือนพี่ NS200) โดย “ความเร็วปลาย” ของ NS160 ผมไหลได้สุดที่ 130 กม./ชม.
ขนาดถังเชื้อเพลิงของรุ่น NS160 มาในความจุ 12 ลิตรครับ ขี่ทำงานใช้งานถือว่าสบายๆ
ขณะที่ระบบเบรกดิสค์หน้า-หลัง ที่แม้จะไม่มี ABS แต่จังหวะเบรกก็ทำได้ดีมีไม่ลึกมาก
สังเกตว่า NS160 มีคันสตาร์ทเท้ามาให้ด้วยนะ
สุดท้ายมีเรื่องเพิ่มเติมกับความเสถียรของระบบไฟ เนื่องจากช่วง 70 กม.สุดท้ายของการขี่ทริปนี้ เป็นการลุยฝนและลุยน้ำท่วมเน้นๆ ปรากฏว่า BAJAJ NS160 (และรุ่นอื่นๆ) ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมหนักๆและผ่านได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นแม้แต่น้อย จนในที่สุดก็เดินทางกลับโชว์รูม Vroom ลาดพร้าวได้โดยสวัสดิภาพครบทุกคัน…
>>ราคาจำหน่าย<<
Pulsar NS = 69,800 บาท
Pulsar NS200 = 79,800 บาท
Pulsar RS200 = 89,800 บาท
Dominar J400 =115,000 บาท
…หลังจบทริปนี้แล้ว ผมก็อยากแนะนำผู้อ่านว่า BAJAJ เป็นรถสมรรถนะดี งานอินเดียแบรนด์นี้ไม่ธรรมดาเลยครับ…ส่วนเรื่องรูปลักษณ์เป็นความชอบส่วนตัว…ถ้าชอบก็เล่นได้เลย!!
(โชว์รูม ตั้งอยู่ปากทางซอบลาดพร้าว 122 หรือลองสอบถามช่องทางติดต่อ >> https://www.facebook.com/officialbajajth)