Honda BigBike
The Ultimate Adventure Press Trip : EP3
ตะลุย “ภูตาจอ” จุดชมทะเลหมอกแห่งภาคใต้
เรื่อง : แทน ทาสแมว
ภาพ : Honda BigBike และเพื่อนสื่อฯ
นิตยสารโมโตครอสได้รับเกียรติจากทาง AP.Honda เชิญให้มาเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรมสุดท้าทาย The Ultimate Adventure Ep.3 ซึ่งในครั้งนี้ผม(แทน ทาสแมว) ก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วยหัวใจที่เกินร้อยพร้อมลุยไม่พร้อมคุยให้เสียเวลา เป็นการเปิดประสบการณ์ความมันส์ที่ Honda BigBike รวมตัวสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ขาลุย นำทับโดย “โค้ชพี่เล่-เจษฎางค์ โชตนา และ “พี่เต้- ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์” อีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถที่มาร่วมลุย ไม่คุยให้เสียเวลา !!! กับเส้นทางออฟโรดโคตรเดือด เร้นลับ มืด และวังเวง ที่ “ภูตาจอ” อ.กะปง จ.พังงา ในวันที่ 17-19 มิ.ย. 2019 ที่ผ่านมา โดยใช้รถในตระกูล Adventure อย่าง Africa Twin, X-ADV, CB500X
ทริปนี้ สตาร์ทออกเดินทางกันจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึง Honda Safety Riding Park Phuket ซึ่งทีมงาน Honda BigBike จัดเตรียมรถในตระกูล Adventure อย่าง Africa Twin, X-ADV, CB500X,NC750X ไว้ให้ได้เลือกแบบจุใจ มีทั้ง เกียร์ Manual และ DCT ผมเลือกเจ้า CRF1000L Africa Twin เกียร์ Manual (สีแดง) เหตุเพราะผมเคยได้ลองทดสอบเจ้าตัว DCT ในเส้นทาง Adventure แล้วในทริป Xventure AfricaTwin Trip 2019 ซึ่งผมได้ขอมูลบางอย่างมาพอสมควรแล้วแต่อยากจะลองนำเจ้าเกียร์ Manual มาลองตามหาข้อเปรียบเทียบดูอีกสักครั้ง
หลังจากเตรียมความพร้อมเปลี่ยนชุดเลือกรถเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เส้นทางธรรมชาติที่จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติคลองพนม (ภูตาจอ) ระยะทางโดยประมาณจาก Safety Riding Park Phuket ถึง ภูตาจอ ประมาณ 168 กิโลเมตร บรรยากาศของสองข้างทางเส้นทางสวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่ผมก็แอบฟิน ยิ้มอยู่คนเดียวอยู่ในหมวกกันน็อค อากาศดีไม่ร้อนแต่ก็มีความอับชื้นเหมือนว่าฝนจะตก แอบหวั่นใจอยู่บ้างว่าจะตกตอนไหน ตกตอนไหนก็ได้แต่อย่าตกตอนขึ้น ภูตาจอ ก็พอ
วิ่งออกมาได้สักระยะ เส้นทางแก้ง่วงก็เริ่มให้ได้วอร์มกันก่อนเล่นโค้งกันเพลินๆ มีทั้งขึ้นเขาและลงเขา ขี่ไปชมวิวไป สำหรับกำลังเครื่องยนต์ของเจ้า Africa Twin ตอบสนองได้ดีมากในการใช้เดินทางที่มีระยะทางแบบนี้ ท่านั่งขี่ก็กระชับควบคุมได้ง่าย แฮนด์ที่กว้างก็ทำให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ รวมๆแล้วกับทางดำให้ฟีลลิ่งที่ยอดเยี่ยม แล้วถ้าเทียบกับระบบเกียร์ DCT แน่นอนครับ ผมแอบมีใจให้ระบบ DCT ด้วยระบบส่งกำลังแบบคลัทช์คู่อัตโนมัติ มันย่อมลดภาระของผู้ขับขี่ได้อย่างแน่นอนในการเดินทางระยะไกล จะจอด จะบิดก็สะดวกสบาย หมดปัญหารถดับลืมกำคลัทช์เตะเกียร์ผิด แต่ถ้าขี่สนุกผมว่าเกียร์ Manual ก็ได้ให้ฟีลลิ่งความสนุกไปอีกแบบนึง กำคลัทช์เชนเกียร์เอนจินเบรคหนักๆ พับเข้าโค้งคันเร่งตึงๆ มันส์สุด ต้องขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่จริงๆว่าสะดวกแบบไหนแต่ไม่เสียใจแน่นอนถ้าเลือก CRF1000L Africa Twin
อีกหนึ่งระบบที่ทำให้ผมประทับใจก็คงเป็น HSTC (Honda Selectable Torque Control) ที่มีมาให้สนุกกันถึงสามระดับ ในระหว่างเดินทางดำ เส้นทางบางช่วงมีน้ำจากฝนที่เพิ่งตกไปซึ่งระบบ HSTC ที่ผมเปิดไว้ระดับที่สามก็ทำให้ผมหายห่วงไปเลยสำหรับอาการลื่นไถลเปิดคันเร่งออกจากโค้งได้แบบมั่นใจ
หลังจากขึ้นลงเขาบนทางดำได้สักระยะ เราก็มาถึงจุดที่ต้องเริ่มต้นของความมันส์ เซอร์ไพรซ์แรกสุดคือฝนลงเม็ดปรอยๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อเหล่าพี่น้องสื่อฯ เนินแรกก็ทำเอาเกือบลื่น ภูมิประเทศเป็นหินกรวดปะปนไปกลับหินก้อนใหญ่สลับกับดินทราย บางช่วงเส้นทางก็ไล่ระดับความชันขึ้นเรื่อยๆฝนเริ่มตกหนักขึ้นทำเอาลื่นล้อหลังปัดอยู่ตลอด งานนี้ผมต้องงัดทุกวิชาที่มีมาใช้กันเลยทีเดียว ในช่วงแรกผมตัดสินในปิดระบบ traction control เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถดันขึ้นทางชันได้กลัวระบบจะตัดกำลังเยอะเกินไปเดี๋ยวจะดับซะกลางเนิน แต่ด้วยความลื่นทำให้ผมเปิดคันเร่งโดยไม่มีแทรคชั่นแล้วทำให้ล้อหลังปัดจนเกินทำเอารถขวางลำเลยต้องประคองรถแล้วเริ่มใหม่ ตั้งตรง เปิด traction control ไว้อ่อนๆหนึ่งขีด เดินคันเร่งต่อเนื่องไม่กระแทกก็สามารถผ่านแต่ละเนินไปได้แบบชิลๆ ระบบ HSTC ของเค้าทำงานได้อย่างฉลาดมาก
ช่วงล่างของ Africa Twin กับหินกรวดและหินก้อนใหญ่ ทางชันๆ โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิค USD
โช็คอัพหลังเดี่ยวโปรลิงค์ เหลือเชื่อกับเส้นทางโหดๆแบบนี้เอาอยู่ครับ รูดได้สบายๆ โช้คเดิมหน้าหลังสำหรับผมแล้วลงตัวไม่โยนไม่ยวบกำลังดีสำหรับผมน้ำหนัก 80 กม. สูง 180 ซม. ช่วงร่างเดิมๆติดรถมาก็เอาอยู่แล้วครับ สำหรับผู้ใช้ที่มีสรีระต่างออกไป โช้คหน้าหลังชุดนี้ก็สามารถปรับระดับได้ตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน เราขี่ขึ้นไปหยุดพักจุดแรกที่ อุทยานแห่งชาติคลองพนม (ภูตาจอ) ซึ่งก็เล่นเอาเหนื่อยล้าใช่ย่อย ต้องนั่งพักให้หายเหนื่อย
…เสียงแว่วดังจาก :โค้ชพี่เล่ : ไฮไลท์อยู่ข้างบน
ผม : ????
ความในใจ : มะกี๊นี้ก็ไม่ง่ายนะแล้วไฮไลท์ข้างบนจะขนาดไหน ??? หรือว่าทางสวยขี่สบายเลยเป็นไฮไลท์ (คิดบวก)
เอาล่ะ…ลุยกันต่อ ว่าแล้วไฮไลท์ของโค้ชพี่เล่ก็ทำให้ผมกระจ่างแจ้ง หินร่วนๆผสมทราย หินใหญ่ดักให้ต้องสลับไลน์ขี่ ตามด้วยร่องลึกๆ เนินชันแบบเดินยังเหนื่อย สนุกกันล่ะที่นี้ ฝนก็ไม่หยุดตก ผมกดท่าไม้ตาย สวมวิญญาณ Graham Jarvis บิดกระจุยเดินคันเร่งต่อเนื่องยืนบาลานซ์รถ มองหาเส้นทางไกลๆ มันส์สุดๆ จนพวกเรามาหยุดกับอุปสรรคที่ไม่สามารถไปต่อได้จริงๆ ต้นไม้ล้ม เพิ่งหักกันแบบสดๆร้อนๆมาปิดทางไม่สามารถผ่านได้จริงๆ
สิ่งที่ผมคิด : จบทริปแล้ว ไปไม่ได้แน่ๆ
ความเป็นจริง : โค้ชพี่เล่เดินถือมีดมา…แล้วลงมือสับ!!
ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1 ชม.ในการตัดต้นไม้แล้วใช้รถกระบะกับการร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องสื่อช่วยกันดันต้นไม้ออกจากเส้นทาง อีกหนึ่งความประทับใจของผม เสียงหัวเราะ เสียงออกแรง ฮึบๆ ของพี่น้องสายสื่อมอเตอร์ไซค์ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อผ่านอุปสรรคต่างๆ ด้วยกัน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะลำบากแค่ไหนทุกคนก็ยังคงช่วยกัน นี้คงเป็นแรงขับเคลื่อนแรงใจที่ทำให้เรายังคงหลงรักในอาชีพของพวกเรา หลังจากลากไม้ออกเราก็ออกลุยกันต่อ เส้นทางเซ็ทสุดท้าย อีกเพียงไม่กีกิโลก็จะถึงยอดภูตาจอ แต่เส้นทางโหดที่สุดตั้งแต่เราขึ้นมานี่คงเป็นไคลแม็กซ์จริงๆ โดนเส้นทางชันๆเล่นงานอย่างหนัก เล่นเอาล้มลุกคลุกคลานกันเลยที่เดียว
ช่วงนี้ทักษะอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ การร่วมแรงร่วมใจเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ณ จุดนั้นพูดได้เลยครับ ผม “หมดแรง” ร่างกายมาถึงจุดฮีท ต้องพักเป็นช่วงๆ ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญของร่างกายเลย การที่เราจะออกมาขี่รถในลักษณะ Adventure หรือ Enduro ทักษะต้องมีร่างกายต้องพร้อม ถ้าหากฟิตไม่พออาจเป็นอันตรายได้และแน่นอนความช่วยเหลืออยู่ห่างไกลเพราะฉะนั้นสายนี้ต้องเตรียมตัวให้ดี ออกกำลังกายทานอาหารให้ครบ พักผ่อนให้เพียงพอ…ถึงจะรอด
…เย็นมากแล้ว…เกือบถึงแล้วเหลือระยะทางอีกประมาณหนึ่ง “โค้ชพี่เล่” ได้ประเมินแล้วว่าเส้นทางด้านบนค่อนข้างอันตรายจึงตัดสินใจให้หยุดแล้วให้คนที่พร้อมจริงๆขึ้นไป ซึ่งผมต้องขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถทำภาระกิจในครั้งนี้ได้สำเร็จด้วย สภาพร่างกายที่ไม่ฟิตพอ จึงต้องขอหยุดรออยู่ด้านล่าง หลังจากโค้ชพี่เล่ขึ้นไปกับพี่อีกสองถึงสามคน ทีมที่อยู่ด้านล่างหลังจากพักจนหายเหนื่อยก็ตัดสินใจที่จะลงกันก่อนด้วยเวลานั้นก็ประมาณ 17.00 น. เกรงจะลงกันดึกแล้วจะอันตราย ระยะทางก็ไม่น้อยในการขี่ลง ลุยกันยกสุดท้าย
ความชันยังคงเป็นอุปสรรคและเหมือนอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผมเห็น “ความแตกต่าง” ระหว่างระบบเกียร์ Manual กับ DCT ความได้เปรียบของเกียร์ Manual เราสามารถใช้คลัทช์ตัดการทำงานได้ละเอียดกว่าทั้งขึ้นและลงทางชันๆ ซึ่งเกียร์ DCT อาจจะมีปัญหาอยู่ในจุดนี้ ยิ่งขาลงจะเห็นได้ชัดว่าเกียร์ Manual ช่วยผมไว้ได้มาก สามารถสับคลัทช์ลงมาได้แบบไม่ต้องติดเครื่องยนต์เลย ใช้เอนจินเบรคช่วยซึ่งระบบเกียร์ DCT ต้องใช้เบรคเป็นหลักเดินเครื่องยนต์ไว้ ใส่เกียร์ต่ำไว้พร้อมกับใช้เบรคประคอง ใช้พาร์คกิ้งเบรคช่วย หากต้องใช้ขาประคองรถ แต่ความรู้สึกของเอนจินเบรคจากระบบ DCT ค่อนข้างจะควบคุมได้ยากไปนิด เราไหลกันลงมาเรื่อยๆแสงก็ค่อยๆหมดลงไปในความมืด แสงไฟของรถตระกูล Adventure ทุกคันส่องสว่างได้เป็นอย่างดี ในที่สุดก็ลงถึงด้านล่างประมาณ 20.00 น. พักกันที่หน้า 7-11 กินน้ำ ล้างหน้าล้างตารออีกทีมที่ตามลงมาแล้วก็ขี่กลับกันอีกร้อยกว่ากิโลเมตรก็เป็นอันจบทริป
หลังถึงที่พัก สำรวจร่างกายทุกคนปลอดภัย เจ็บตัวกันนิดหน่อยแบบลูกผู้ชายเค้าทำกัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นทริปที่คงอยู่ในความทรงจำผมไปอีกนาน ครบทุกรสชาติ เต็มไปด้วยความประทับใจ มันทำให้ผมรู้ว่าในการทำในสิ่งที่เรารักไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนมันเป็นไปไม่ได้หรือจะมีอุปสรรคนับร้อยเราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก ทุกๆทริปผมเชื่อว่าเพื่อนๆที่ขี่รถในแนวนี้จะเข้าใจดีมันให้อะไรมากกว่าที่เราคิด ครั้งนี้มันก็ทำให้รู้ว่าร่างกายของผมมันสำคัญมากแค่ไหน มันทำให้ผมรู้ว่าผมรักที่จะทำอะไร แล้วมันทำให้ได้รู้ว่าสื่อสายมอเตอร์ไซค์เค้ารักกันมากแค่ไหน ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ที่สุดแล้วแห่งความทรงจำดีๆ
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณ AP.Honda และ Honda BigBike ขอบคุณพี่ไอซ์ ,พี่อ้อน ,พี่กาน ที่ดูแลการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างดีหลังจากไปนอนกลิ้งในป่าเราก็กลับมาอยู่ที่พักริมทะเลอย่างหรู กินอาหารอร่อยๆ แล้วก็ยังมีกิจกรรมดีๆอีกเพียบ และต้องขอขอบคุณทีมงานของโค้ชพี่เล่ Bikelane dirttrack control ดูแลการเดินทางบุกป่าฝ่าดงในครั้งนี้เป็นอย่างดี ขอบคุณครับ
สำหรับวันนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน แอดมินแทนทาสแมวจะไปลุยที่ไหนต่อติดตามข่าวสารจากเรา Motocross Magazine กดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้กับเราแล้วผมจะเก็บเรื่องราวดีๆแบบนี้ กลับมาฝากกันอีกครับ วันนี้ก็ขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ
#TheUltimateAdventure
#HondaBigBike
#aphonda
#Bikelane dirttrack control
#africatwin #crf1000l
#cb500x #xadv
#alpinestars
#ทางดีดีมีไม่ไป
#ไม่เคยทำให้สบายใจ
#MotocrossMagazine
#Motobigbike
#นิตยสารโมโตครอส