ทดสอบ ‘Next Gen’ Scrambler จากดูคาติ.. ขี่จริง “แจ่มขึ้นเยอะ”

พริบตาเดียวก็ครบรอบ 10 ปีแล้ว สำหรับไลน์อัพ Scrambler by Ducati ซึ่งกลับมาพร้อมอัปเดตความสดใหม่ลงไปในรุ่นปีล่าสุด ที่ขับขี่จริงแล้วพบว่า “สนุกขึ้นกว่าเดิมได้อีก” แค่บิดนู่นนิดนี่หน่อย (จนเกือบจะครบรอบคัน) เป็น Scrambler Icon ที่แตกต่าง และเชื่อว่าคุ้มค่าที่เพื่อนๆอยากจะจับจ่ายมันมาเป็นเจ้าของแน่นอน.. แต่ที่ประทับใจผมจริงๆก็มีประมาณนี้ครับ..

1.เครื่องเดิม เพิ่มเติม “คันเร่งไฟฟ้า”
803 ซีซี. 2 สูบ L-Twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ “เหมือนเดิม” จากเจนฯที่แล้ว แต่สลัดคราบความดุดันก้าวร้าวออกไปจนสิ้นด้วยออพชัน “คันเร่งไฟฟ้า” ขนาด 50 มม. เปิดคันเร่งเนียนมือได้อย่างที่ไม่เคยเจอใน Scrambler มาก่อน มีฟังก์ชันทดรอบเครื่องมาให้ด้วยสำหรับการใช้งานในรอบต่ำ เพื่อลดอาการ “สะอึก” ให้หายเป็นปลิดทิ้ง.. ใช้งานช่วงรถติดบีบคลัทช์รอบต่ำๆได้อย่างเนียน

ตัวเลขแรงม้าสูงสุดเท่าเดิมที่ 73 แรงม้า แต่ขยับแรงบิดสูงสุดลงมานิดหน่อยเป็น 65.2 Nm (1 Nm ถ้วน) ที่ 7,000 รอบ.. ซึ่งเอาจริงๆแทบไม่รู้สึก.. แต่รอบแรงบิดสูงสุดแบบนี้ก็จะทำให้ผู้ขับขี่มือใหม่สามารถจัดการกำลังเครื่องยนต์แรงๆแบบนี้ง่ายขึ้นด้วย

สุดท้าย.. สิ่งที่ได้มาพร้อมคันเร่งไฟฟ้าก็คือ “โหมดขับขี่” 2 โหมด Road, Sport สามารถเข้าไปจัดการตั้งค่ารายละเอียดเพิ่มได้อีก.. ..ทั้งระดับกำลังและ DTC อีก 4 ระดับ หรือจะปิด DTC ก็ได้.. ยิ่งทำให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องเกร็งข้อมือเบากำลังเครื่องเองเหมือนเจนฯ ที่แล้ว

2. มิติรถใหม่
ทำเพื่อให้ “ขี่ง่ายขึ้น” โดยปาดเบาะนั่งให้บางลง ขยับความสูงเหลือ 795 มม. จากพื้นถึงเบาะพร้อมปรับช่วงถังน้ำมันให้เว้ารับช่วงขา ทำให้ผมที่ไม่ได้มีความสูงมากนักก็ยืนคร่อมรถติดไฟแดงได้ง่ายๆ ไม่ต้องเขย่ง

นอกจากนี้ยังปรับปรุงเฟรมใหม่ เปลี่ยนองศา Rake & Trail เล็กน้อย มีท่านั่งควบคุมที่สบายมากขึ้น นั่งหลังเกือบตรง แถมยังยืนขับขี่ได้สะดวกขึ้นเล็กน้อยด้วย

อย่างไรก็ดี Scrambler Icon ยังใช้ช่วงล่างชุดเดิม แต่ปรับจุดยึดโช้คหลังให้มาอยู่ตรงกลาง เน้นการทำงานแบบขับขี่ทั่วไป ถ้าขี่เรื่อยๆนี่นั่งสบายมากๆ แต่การขับขี่ที่จะต้องรีดเค้นสมรรถนะต้องใช้ถูกเซ็ตมานุ่มพอสมควร.. ยังดีที่มีระบบความปลอดภัย Cornering ABS และ ABS Dual Channel มาให้พร้อม

3. อัพเดตเทคโนโลยี
Scrambler Next Gen ทุกรุ่นย่อย ได้รับอัพเดตไฟส่องสว่างเป็น LED ครบรอบคัน พร้อมโคมไฟหน้าดีไซน์ตัว X สัญลักษณ์ของ Scrambler มาให้ไว้อย่างลงตัว กับฟังก์ชันปิดไฟเลี้ยวให้อัตโนมัติ คล้ายกับที่ใช้ในรถยนต์.. เอามาใช้งานจริงก็ถือว่าสะดวกดี แก้ปัญหาลืมปิดไฟเลี้ยวได้เด็ดขาดเลย ส่วนการส่องสว่างตอนกลางคืนนั้น “สว่างมาก” ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่เห็น ไปเป็นห่วงรถคันที่ขับสวนมาดีกว่า จะแสบตามั้ย(ฮา)

อีกจุดที่ปรับใหม่มาเนียนตาคือหน้าปัดดิจิทัล TFT สีสันตระการตา มองเห็นกลางแดดคมชัดสุดๆ ปรับธีมแสดงผลได้ 2 แบบ.. กลางวัน, กลางคืนพร้อมฟังก์ชัน “โฟกัสโหมด” ที่ลดการแสดงผลข้อมูลไม่จำเป็นออกไป เหลือเพียงเลขความเร็ว, ตำแหน่งเกียร์ และรอบเครื่องยนต์

นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านแอปพลิเคชันของดูคาติได้ แต่ต้องซื้อเพิ่มเป็นออพชันเสริม เช่นเดียวกับระบบควิกชิฟเตอร์ ที่จะมีติดรถมาให้ในรุ่น Full Throttle เท่านั้น

4. พร้อมแต่งให้ตรงใจ
สิ่งที่ขาดไม่ได้ของรถสไตล์นี้คือ “การตกแต่ง” ตามสไตล์ของตัวเอง ซึ่งก็มีอุปกรณ์ตรงรุ่นจากดูคาติเองเต็มไปหมด แต่โดดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนสีถังเองได้ โดยมีให้เลือกเพิ่มถึง 9 สีสันให้ซื้อเพิ่ม และทั้ง 2 รุ่นย่อยของ Next Gen นี้ยังมีอะไหล่ต่างๆติดรถมาให้ไม่เหมือนกันอีก.. ดังนี้ครับ

รุ่น Full Throttle ได้ชุดไฟเลี้ยวทรงสปอร์ต, แฮนเดิลบาร์ทรง Flat Track, ฝาครอบข้างติดนัมเบอร์เพลท 62, เบาะนั่งตัดขอบดำ-แดงสไตล์สปอร์ต, ท่อ Termignoni ตรงรุ่น และ Skid Plate กันแคร้งใต้เครื่องยนต์

รุ่น Night Shift ได้เบาะหนังสีน้ำตาลเย็บแพทเทิร์นคลาสสิก, Flat แฮนเดิลบาร์ พร้อมกระจกปลายแฮนด์, ชุดสีครอบด้านข้าง และวงล้อซี่ลวดอลูมิเนียมหน้าหลัง เอาใจสายคาเฟ่เรซเซอร์สุดๆ

ส่วนรุ่น Icon ที่เราขับขี่ครั้งนี้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น ใส่อะไหล่ต่างๆมาพอเป็นพื้นฐานให้เลือกตกแต่งได้หลากหลายมากขึ้น (ส่วนตัวชอบรุ่นนี้ที่สุด) ไม่มีชุดครอบด้านข้างมาให้ ไม่มีไฟเลี้ยวแต่ง หรืออะไหล่ป้องกันเครื่องยนต์ใดๆ ทำให้ได้รูปลักษณ์เพรียวลมดูคล่องตัวมากที่สุดด้วย

5. การใช้งานจริง
ด้วยน้ำหนักตัวรวมเบาลงถึง 4 กิโลกรัม, เบาะนั่งเตี้ยลง, คันเร่งคุมง่ายขึ้น, ท่านั่งสบายขึ้น.. ทำให้การใช้งาน Scrambler Icon กลายเป็นรถที่เหมาะกับไรเดอร์มือใหม่พอสมควร เพราะมัน “ขี่ง่ายมาก” แม้จะมีพละกำลังระดับรถ 800 ซีซี. เลยก็ตาม.. ยืนคร่อมรถก็ง่าย เข็นก็ง่าย ขับขี่ซอกแซกตามการจราจรก็คล่องตัวโดยไม่ต้องกลัวว่าจะบึ้มคันเร่งใส่ท้ายรถคันหน้าเพราะระบบควบคุมพละกำลังที่เขาเพิ่มมาให้ด้วย

สิ่งที่ผมกำลังคิดคือ.. มันเหมาะกับการขับขี่สนุกๆมาก การขับขี่ที่ไม่ต้องคิดมากเรื่องเทคนิค จะเอาไปลุยดิน จะยืนขับขี่กับช่วงแฮนด์นี้ก็ได้ การขี่ออกทริปก็นุ่มนวลสบายๆ หรือขับขี่อย่างดุดันกระแทกคันเร่งให้ล้อลอยยิ่งง่ายเข้าไปอีกสุดๆ.. ส่วนเรื่องความร้อนก็อยู่ในระดับธรรมดา สามารถสัมผัสไอร้อนได้ในระดับเดียวกับรถมิดเดิลเวททั่วไป ไม่ได้ร้อนเกินไปจนขับขี่ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน

กับราคาเริ่มต้นของเขาเพียง 399,000 บาท(Icon) ยิ่งเย้ายวนให้นักขับขี่มือใหม่เข้าถึงดูคาติได้ไม่ยาก โดยมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistant ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี และ การรับประกันตัวรถนานอีก 3 ปี.. ดูแลกันไปยาวๆจนขับขี่ได้ชั้นเซียนไปเลย

ผู้ที่สนใจสามารถไปสัมผัสตัวจริงของรถที่มี DNA สนุกๆของดูคาติอยู่เต็มเปี่ยมนี้ได้ที่โชว์รูมดูคาติใกล้บ้าน หรือติดต่อสอบถามไปที่แฟนเพจ Ducati Thailand ได้เลยนะครับ