เรื่อง : 13pM / ภาพ : Royal Enfield Thailand
หลังจากคอนเฟิร์มร่วมทริปนี้เช้าวันศุกร์กลางเดือนมิถุนายนผมก็เหวี่ยงตัวเองขึ้นอาน Royal Enfield Classic 350 Signals …เตะขาตั้งขึ้นบิดกุญแจโยกปุ่มสตาร์ทเก๋าๆที่แฮนด์ฝั่งขวาจากนั้นสับเกียร์ เปิดคันเร่งออกจากลานตึก CW รัชดาออกไปร่วมขบวน RE Discover มุ่งหน้าสู่ “ตะวันออก” ปราจีนบุรีตามเส้นทางที่ได้รับการบรีฟมา
…นี่คือทริปที่วางการขี่รูปแบบ “คาราวาน” ด้วยรถ 2 ซีรีส์คือ Twins 650 ทั้ง Interceptor 650 และ Continental GT ร่วมด้วย Classic350 และทีมนักบิดจาก “สื่อ” หลากหลายสไตล์พร้อมกับได้ “บิ๊กบอส” อย่าง“คุณอนุจดัว” หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรอยัลเอ็นฟีลด์ร่วมขับขี่ด้วยตลอดทางภายใต้การ “นำทาง” ของมาร์แชล “เซ็ม” และ “แมน” สองหนุ่มที่ชำนาญการขับขี่และดูแลขบวนไรเดอร์จากรอยัลเอ็นฟีลด์ไทยแลนด์
การเดินทางออกจากเมืองเริ่มต้น “ขาออก” จากถนนพระราม 9 เมื่อมาตัดกับถนนศรีนครินทร์ก็โยกมาวิ่งเส้นตัดใหม่กรุงเทพกรีฑา-ฉลองกรุงซึ่งเป็นเส้นทางที่แนะนำเลยครับเพราะสภาพจราจรที่โฟลว์ตลอดช่วงไม่มีไฟแดงช่วงนี้ผมกลับมา “เริ่มต้น” กับ Classic 350 Signals บนฟีลลิ่งการคอนโทรลสไตล์คลาสสิคเน้นๆน้ำหนักรถที่มากในระดับหนึ่งการเลี้ยวโยกที่ใช้สรีระพอสมควรแม้จะไม่คล่องตัวมากแต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ไม่นานจากนั้นเราก็เดินทางถึง “วูดูคาเฟ่” ร้านอาหารชื่อดังของหนองจอกเพื่อกินมื้อเช้าและชมบรรยากาศร่มรื่นรอบๆร้านแล้วออกเดินทางต่อ
หลังจากผ่านไปวิ่งบนเส้น “รังสิต-นครนายก” เป็นรูทที่ได้ใช้ความเร็วเต็มสปีดอีกครั้งช่วงนี้ผมไล่ต่อเกียร์ทั้ง 5 ของ Classic 350 Signals แล้วก็ไปสุดอยู่ที่ราวๆ 123 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วเดินทางที่พอเพียงแล้วสำหรับสไตล์คลาสสิคแบบนี้ จุดเด่นที่ผมยังคงประทับใจคือการทรงตัวในรอบความเร็วสูงที่ Classic350 “นิ่ง” แม้จะเจอแรงเหวี่ยง-โยนจากถนนพังๆแถวปราจีนบุรีก็ไม่เสียอาการ
จุดน่าสนใจของทริปนี้ (หลังแวะกินมื้อเที่ยงที่ “ดาษดา”) คือการ “เข้าด่าน” อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขอวัดความดังเสียงท่อด้วยกฏรอบเครื่องยนต์ 4,000 รอบ/นาทีต้องดังไม่เกิน 95 เดซิเบลซึ่งแน่นอนว่าไม่มีปัญหาเพราะรถ Royal Enfield ที่มาร่วมทริปผ่านฉลุยทุกคันจากนั้นทุกคนได้รับการแนะนำให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ซึ่งเป็นข้อสำคัญของการขับขี่รถภายในอุทยานฯอย่างปลอดภัยทั้งคนและสัตว์ป่า
บนเขาใหญ่มีโปรแกรมฯดีๆคือการไปจอดแวะพักดื่มกาแฟยามบ่ายที่ร้านกาแฟสวัสดิการฯบริเวณด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจุดนี้เป็นทำเลที่ดีมากและอยากแนะนำครับเพราะเราจะนั่งชมลำตะคองลำธารต้นน้ำสำคัญที่มีฉากหลังเป็นป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์บางวันก็จะมีสัตว์ป่ามาโชว์ตัวให้ชมด้วย
บ่ายคล้อย ขบวน RE Discover เคลื่อนลงจากเขาใหญ่ทาง “ฝั่งปากช่อง” ซึ่งเป็นเหมือนการทดสอบสมรรถนะของระบบช่วงล่าง-เบรก-เอนจินเบรกไปในตัว เนื่องจากเส้นทางเป็นโค้งพลิกพลิ้วเลื้อยลงเขาต่อเนื่องหลายกิโลเมตร ทางที่ขับขี่ยากแบบนี้นอกจากทักษะของนักบิดแล้วสมรรถนะของตัวรถมีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัยและแน่นอน Royal Enfield ทุกคันตอบโจทย์นี้และเดินทางลงจากเขาใหญ่เข้าไปเช็คอินที่คีรีมายารีสอร์ทฯเขาใหญ่ได้อย่างราบรื่น
ในช่วงเย็นมีปาร์ตี้เล็กๆที่“คุณอนุจดัว” หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของรอยัลเอ็นฟีลด์ได้มาร่วมวงพูดคุยอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับขอคำแนะนำที่มีประโยชน์จากกลุ่มนักบิดเพื่อนำไปพัฒนากิจกรรมของแบรนด์ในคราวต่อไปอีกด้วย
เช้าวันที่สองของทริปผมตื่นมาเดินออกกำลังในคีรีมายารีสอร์ทฯท่ามกลางอากาศดีของเช้าฤดูฝนจากนั้นก็กลับไปรวมตัวเพื่อขับขี่ช่วงขากลับซึ่งมีการเปลี่ยนไปใช้เส้นทางมวกเหล็ก-มิตรภาพ-พหลโยธินที่ค่อนข้างท้าทายเพราะเป็นสภาพจราจรแบบ “ไฮเวย์” มีโจทย์ให้เค้นกำลังของรถออกมา “เร่งแซง” รถใหญ่ร่วมทางบ่อยๆ …แน่นอน Classic 350 Signals ที่ผมขี่ทำหน้าที่ได้อย่างพอเหมาะพอดีและพาผมเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
…เป็นอีกหนึ่งทริปของรอยัลเอ็นฟีลด์ที่ผมประทับใจในการดูแลของทีมงานฯ ชอบรูปแบบเส้นทางและชื่นชมการวาง “สเปซ” สอดแทรกกิจกรรมที่กำลังเหมาะ ..แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไปครับ…
ขอบคุณ : รอยัลเอ็นฟีลด์ไทยแลนด์
: สปาร์คคอมมูนิเคชั่น