ภาพ : Rasta
เรียกว่า “ขี่ครบจบทุกฟีลลิ่ง” ไปแล้วเรียบร้อยสำหรับ All New Honda PCX160 พรีเมี่ยมเอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุดของเมืองไทยซึ่งผมมีโอกาสสัมผัสถึง 2 รอบ ทั้งการขี่ทดสอบก่อนเปิดตัวในโค้งสนามศูนย์เซฟตี้ของฮอนด้าและจากนั้นก็นำออกมา “ใช้งาน” จริงๆแบบ City Use อีกนับร้อยกิโลเมตรถึงตอนนี้ก็มี Full Review ได้ 10 เรื่องต้องรู้!! ของรถรุ่นนี้มาฝากกัน…ตามมา!!
1.รูปลักษณ์และมิติ
…จากการออกแบบ All New Honda PCX160 กล่าวได้ว่าถูก “เปลี่ยนโฉมใหม่” ทั้งคัน งานบอดี้พาร์ททุกจุดใช้แง่มุมความเป็นสปอร์ตเอ.ที.เข้ามาเสริมกับงานดีไซน์สไตล์พรีเมี่ยมได้พอดีมากๆนอกจากระบบไฟส่องสว่างโคมหน้า-หลังและไฟเลี้ยวใช้หลอด LED เต็มระบบทั้งใช้งานได้ดีและสร้างความโดดเด่นที่ดูแล้ว “หรู”จริงๆส่วน “บอดี้” มีการออกแบบตามหลักแอโร่ไดนามิคให้ลู่ลมขี่จริงแล้วรู้เลยว่ามันฝ่าลมได้พุ่งและพลิ้วส่วนมิติของรถอยู่ในไซส์ “คอมแพค” น้ำหนักเพียง 131 กก. และมีความสูงเบาะ 764 มม. พูดง่ายๆว่ามุมเลี้ยวและช่วงรถของ PCX160 อยู่ในระดับที่ “ขี่คล่อง” จริงๆเบาะที่ให้มาก็แคบส่วนปลายพอดีเอาไปโยกซอกแซกการจราจรในกทม.ได้เพลินๆไม่หงุดหงิด!!
2. เครื่องยนต์ใหม่
สิ่งที่ผมคาดหวังมากคือเรื่อง “พละกำลัง” จากเครื่องยนต์ใหม่eSP+ 4วาล์วลูกสูบ 60 X ช่วงชัก 55.5 มม. ปริมาตร 157 ซีซี. ที่ยังคงมาในแนวทาง Low Friction ซึ่งหมายถึงการทำให้เครื่องบล็อคนี้ส่งกำลังได้อย่าง “ราบรื่น” ที่สุดพร้อมรายละเอียดสำคัญๆช่วยเพิ่มความนิ่งและความเสถียรของเครื่องยนต์อย่าง Piston Oiljet ,ตัวดันโซ่ไทม์มิ่งแบบไฮดรอลิกส์ ,ข้อเหวี่ยงมีลูกปืนแบริ่งโรลเลอร์รวมถึงขยายเรือนลิ้นเร่งเป็น 28 มม. ระบบไอดีขยายกรองอากาศขยายเป็น 4.9ลิตรท่อไอเสียใหญ่ขึ้นปรากฏผลการใช้งานจริงๆออกมาด้วยกำลังรอบต้นที่ “จัดจ้าน” บิดคันเร่งติดมือพุ่งต่างจากรุ่นที่แล้วอย่างชัดเจนผมรู้สึกได้ว่าขี่สนุกทั้งรอบต้น-กลาง-ปลายโดยความเร็ว 0 – 100 กม/ชม. ใช้ไป 10.13 วินาที ส่วนความเร็วปลาย “สุดปลอก” ทำได้อยู่ที่ 120 กม./ชม.(รอบตัด) ที่สำคัญคืออาการเครื่องในทุกช่วงรอบ “นิ่ง”ดังที่ Honda เขาว่าไว้ไม่มีผิด และจาก 0 -120 กม./ชม. ใช้เวลาไปเพียง 17.01 วินาที
..ส่วนเรื่องวิ่งปลายได้ 120 กม./ชม. นี่คือประเด็น??? เพราะเครื่อง 4 วาล์วบล็อคใหม่นี้ใครซีเรียสเรื่องความเร็วต้น-ปลายมากกว่าสแตนด์ดาร์ดก็เอาไปโมฯต่อได้ง่ายโคตรไม่ว่าจะทำเต็มระบบหรือไล่ข้างทุกร้านมีสูตรอยู่แล้วแต่ถ้าคนที่ใช้งานทั่วไปไม่ใช่สายซิ่งเดิมก็เหลือๆ!!
3. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ในตอนที่เริ่มต้นใช้งานทดสอบ All New Honda PCX160 ผมเติมน้ำมันจนเต็มถัง( 8.1ลิตร) และเซ็ททริปเอาไว้เพื่อดูระยะทางสำหรับคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง “จากหัวจ่าย” เทียบกับที่หน้าจอของรถคำนวณไว้ให้ปรากฏว่าผมทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ที่ 43 กม/ลิตรขณะที่หน้าจอของรถคำนวณให้ 42 กม./ลิตรนอกจากจะเป็นค่าสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าพอใจแล้วยังยืนยันอีกครั้งว่าระบบการคำนวณของ PCX160 นั้นเชื่อถือได้เลยเดียวกับที่ผมเคยดูจากตระกูล New Forza
4. ระบบแทรคชั่นคอนโทรล
ทีเด็ดเลยคือระบบแทรคชั่นคอนโทรล HSTC (Honda Selectable Torque Control) ซึ่งฮอนด้ากล้าใส่ให้กับรถเล็กอย่าง PCX160 และผมได้ลองเทสท์จริงจังถึง 2 รอบ และมันก็ทำงานตัดรอบเครื่องยนต์เมื่อมีปัจจัยทำให้ล้อหลังหมุนไม่สัมพันธ์กับล้อหน้าได้อย่างดีเยี่ยม สอดคล้องกับการที่ตัวเครื่องยนต์ “แรง” ขึ้นกว่าเดิมกล่าวคือ ระบบนี้จะช่วยลดอาการท้ายขวางถ้าไปเจอสภาพเส้นทางที่มีกรวดร่วนหรือน้ำขังนั่นเอง และตัว HSTC นี้ก็สามารถเปิด-ปิดได้เพียงกดปุ่มสั่งงานที่มุมล่างขวาของหน้าปัด
5. จอดิจิตอล LCD งานดีอ่ะ…ชอบ!!
ฟังก์ชั่นที่มาพร้อม All New Honda PCX160 แล้วเวิร์คมากคือหน้าปัดจอ LCD ที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจ ทั้งองศาของแผ่นอะคริลิคใสที่ปิดอยู่ใครไม่มีเรื่องสะท้อนเงาเข้าตาคนขี่ รวมทั้งแบ็คไลค์สีน้ำเงินจางๆที่สบายตาที่ผมชอบคือเป็นรถที่ให้ภาพการเปิดใช้ “ไฟเลี้ยว” ได้แจ่มชัดมากๆแถบแสดงการใช้งานไฟเลี้ยวมีขนาดใหญ่เมื่อกระพริบที่มุมจอ LCD จะมองเห็นเหมือนลูกศรสีเขียวขนาดใหญ่เลยนอกจากนั้นหน้าจอยังมีนาฬิกา ,อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบเรียลไทม์ ,สัญญาณ HSTC และไฟรูปตัวTที่บ่งสถานะตัวเลขระยะทางรวมและเซ็ททริปได้ 1 ทริป และที่สำคัญตัวเกจ์น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นบาร์ที่มองแจ่มชัดสบายตามากๆ ส่วนตัวเลขความเร็วนั้นหายห่วงเปรี้ยงปังอยู่กลางจอ!!
6. ใต้เบาะใส่หมวกเต็มใบจ่ายไฟ Type C
ผมทดลองวางหมวกกันน็อคทรงสปอร์ตเต็มใบของ H2C ลงในยูบ๊อกซ์ขนาด 30 ลิตรของ All New Honda PCX160 ปรากฏว่าใส่ได้สบายและยังมีพื้นที่เหลือในสัมภาระอื่นๆอีก
สังเกตว่าบาร์ท้ายออกแบบให้กว้างและเอื้อต่อการติดตั้งท็อปบ๊อกซ์ได้ง่ายๆ ส่วนช่องจ่ายไฟแบบ Type C ก็พอดีกับสมาร์ทโฟนรุ่น Iphone12ของผม (และสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆทั้งหลาย) ด้านบนแฮนด์ฝั่งขวายังคงมีปุ่มเปิด-ปิด Idling Stop ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติรวมถึงสมาร์ทคีย์ของ Honda ที่นอกจากจะช่วยให้การเปิดเบาะเปิดฝาถังเชื้อเพลิงสะดวกแล้วการทำงานด้านอื่นๆก็ถือว่าสมาร์ทจริงๆอีกส่วนที่ต้องชมคือขาตั้งข้างที่ทำห่วงช่วยให้เตะขาตั้งลงง่ายองศาขาตั้งก็เอียงเยอะไม่ต้องกลัวล้มง่ายและแน่นอนครับขาตั้งของ PCX160 มีสวิทช์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์เป็นมาตรฐานมาให้ด้วย
7.ระบบเบรก ABS
อีกหนึ่ง “Value”ของ All New Honda PCX160 ที่ต้องเอ่ยว่าในที่สุดก็มาซะที! คือระบบเบรกดิสค์หน้า-หลังมี ABSแบบ 1 ชาแนล(ที่ดิสค์หน้า-ในรุ่น ABS) ทดสอบการทำงานแบบเน้นๆทั้ง 2 ครั้งที่ได้ทดสอบกับการกำเบรกหน้าแรงๆปุปปับ ตอบสนองไวมากและทำงานได้แม่นยำแก้ไขอาการล้อล็อคได้ดีและเมื่อใช้ร่วมกับเบรกหลังในสัดส่วน 70-30 ที่เคยชินก็ทำให้หยุดความเร็วได้โดยไม่เสียอาการ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้บอกเลยว่ามีประโยชน์มากกับการใช้งานขับขี่ในเมืองที่ต้องเจอกับการเบรกกระทันหันของรถคันหน้าบ่อยสุดๆ
8.ระบบช่วงล่าง
โช้คหน้ายังเป็นคู่เทเลสโคปิคชุดเดิมแต่โช้คหลังเปลี่ยนใหม่มาใช้โช้คที่มีช่วงยุบ 95 มม. เรื่องนี้ผมจงใจเอาไปลองขี่หลายๆแบบทั้งการรูดผ่านคอสะพานและลุยถนนย่านรามคำแหงที่กลายเป็นทางขรุขระหลุมบ่อสารพัดเพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้าปรากฏว่าช่วงล่างของ All New Honda PCX160 ให้ความนุ่มนวลในระดับที่ผ่านไปได้อย่างปลอดภัยครับการออกแบบจุดยึดแฮนด์บาร์ที่ใส่ลูกยางรองมาและมีลักษณะ “ให้ตัว” ก็มีส่วนให้การขี่ในช่วงนี้สมูทกว่าที่คาดส่วนยางติดรถที่เป็นมิชลินซิตี้กริ๊ปหน้า 110/17-14 หลัง 130/70-13 เป็นยางที่ใช้งานดีรุ่นหนึ่งเลย ดอกยางออกแบบมาเผื่อการรีดน้ำตามสภาวะภูมิอากาศบ้านเราที่มีหน้าฝนยาวนานด้วย จากการสังเกตอาการในการเลี้ยวโค้งหนึบดีไม่มีหวิวครับ
10.ข้อสังเกตและบทสรุป
ผมมี “ข้อสังเกต” อยู่เล็กสำหรับรถรุ่นนี้อย่างแรกคือในยูบ๊อกซ์ถ้ามี “แผ่นกั้น”แยกส่วนการเก็บของเหมือนพวกForzaจะเวิร์คมากเพราะของที่เราใส่จะไม่ไหลไปกองรวมกันอย่างถัดมาคือตำแหน่งวางเท้าที่อยากให้องศาส่วนที่ “เอียง” ราบลงอีกเล็กน้อยสุดท้ายคือ“โช้คหน้า” ในความเร็วทั่วไปก็ OK แต่ช่วงความเร็วปลายผมยังรู้สึกว่า “หน้าเบา”อยู่บ้าง ตรงนี้ใครซีเรียสและขี่ไวเป็นนิสัยก็ไปเซ็ทอัพเสริมสมรรถนะได้ไม่ยาก
…บทสรุปของ All New Honda PCX160 หลังจากได้สัมผัสทุกแง่มุมของมันแล้วบอกได้เลยว่า “สมราคา” กับสิ่งที่ฮอนด้าเรียกว่า “พรีเมี่ยมเอ.ที.” ซึ่งต้องยอมรับว่ารถรุ่นนี้มีหลายสิ่งที่เหนือกว่าและใช้งานได้จริง “เวิร์ค” เมื่อเทียบรถในคลาสเดียวกันในอีกหลายรุ่น
ย้ำกันอีกทีเรื่องราคาแนะนำ
รุ่น Standard ราคา 85,900 บาท (สีเทา ,สีแดง ,สีขาว)
รุ่น ABS ราคา 91,900 บาท (สีดำ-น้ำตาลและสีแดง-น้ำตาล)
ส่วนรุ่นe:HEVราคา 107,500 บาท (สีขาว-น้ำเงิน)
ตัวรถมีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ Honda ทั่วประเทศ…ไปลองเองแล้วจะรู้ว่าคันนี้ “จบได้” ในคลาส160 !!