Royal Enfield Tour Of Thailand 2020

Royal Enfield Tour Of Thailand 2020
6 วันเต็มกับการเดินทางบนเส้นทางที่สวยงามที่สุดของประเทศไทย

ประสบการณ์สุดพิเศษ สำหรับกิจกรรมที่จัดให้กับลูกค้าของ Royal Enfield กับการเดินทางในเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย กรุงเทพฯ-เชียงราย เดินทางกันทั้งหมด 6 วันเต็ม โดยรถที่ใช้ในการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นเจ้า Royal Enfield Interceptor 650 และ Royal Enfield Continental GT 650 สองโมเดลใหม่เรือธงของค่ายที่ได้รับความนิยมสุดๆในเวลานี้ ทริปนี้เราได้ร่วมเดินทางกับเพื่อนใหม่ ชาวอินเดียที่บินตรงมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เป็นอีกหนึ่งสีสันในการเดินทางในครั้งนี้เลย
และแน่นอนในครั้งนี้ทางนิตยสารโมโตครอสก็ได้รับเกียรติจากทาง Royal Enfield Thailand ให้ร่วมเดินทางไปเก็บบรรยากาศความสนุก ความฟิน นำมาฝากเพื่อนๆผู้อ่านทุกท่าน จะสนุกสวยงามและฟินเวอร์ขนาดไหนไปชมกันเลยครับ

• Day 1
กรุงเทพฯ – เพชรบูรณ์ (เขาค้อ)
สำหรับวันแรกของการเดินทางยานพาหนะคู่กายที่ทาง Royal Enfield จัดเตรียมไว้ให้เรานั้นก็จะเป็น Royal Enfield interceptor 650 โมเดลใหม่ยอดฮิต หล่อสุดๆ เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่จุดหมายแรก เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางโดยรวมประมาณ 465 กิโลเมตร โดยประมาณ เริ่มออกเดินทางกันที่ใจกลางของกรุงเทพฯ ณ สนามหลวง พาเพื่อนๆ ชาวอินเดียขับขี่ชื่นชมความสวยของเมืองหลวง ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังจุดหมายของเรา หลังจากที่เดินทางมาถึงจังหวัดเพรชบูรณ์ เรามุ่งหน้าสู่เส้นทางช่วงขึ้นเขาค้อ เป็นถนนที่สวยงมากและโค้งรับขับขี่สนุก แต่ที่ผมประทับใจเลยคือตัวรถเจ้า interceptor 650 ด้วยรูปลักษณ์ความคลาสิคที่หล่อโดดเด่นบนท้องถนน แต่แฝงไปด้วยสมรรถนะที่เกินตัวสุด ทำให้ผมสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

เรามาจบทริปกันที่ ไฮไลท์เด็ด ทุ่งกังหัน สวยงามมากๆ และเวลาก็พอดิบพอดีพระอาทิตย์กำลังตกลงจากขอบฟ้า แสงส่องผ่านกังหันกระทบลงที่ยอดหญ้า ยืนมองแสงสุดท้ายของวัน พูดคุยกันเรื่องเส้นทางที่ผ่านมาฟินสุดๆ แค่วันแรกก็ทำเอาผมประทับใจแล้ว คิดดูว่าอีก 5 วันข้างหน้าจะฟินขนาดไหน

• Day 2
เขาค้อ – อุตรดิตถ์
ออกเดินทางกันแต่เช้าครับ มุ่งหน้าไปดื่มด่ำกาแฟพร้อมกับวิวระดับท็อปของประเทศไทยกันที่ ผาซ่อนแก้ว สวยงามมาก กาแฟก็หอมอร่อยเข้ากับอากาศเย็นๆ ลงตัวสุดๆ ถือเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนหลังจากเดินทางไกลเป็นอย่างยิ่ง หลังจากเสพบรรยากาศกันจนเต็มอิ่มก็ออกเดินทางบุกตะลุยบนเส้นทางถนน รูท 12 ที่เหล่าไบค์เกอร์ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เส้นทางสวยถนนดี กว้างขวาง โค้งมีให้ได้เล่นแบบไม่อั้นเป็นโค้งไฮสปีด พร้อมธรรมชาติข้างทางที่สวยงาม และเจ้า interceptor 650 ก็สามารถทำได้ดีเลยกับการใช้งานในโค้ง ขี่สนุกมากกำลังการตอบสนองมีเหลือสำหรับการเดินทางระยะไกล

ให้ความรู้สึกถึงความสมูทในการขับขี่ ขี่แล้วรู้สึกปลอดภัยเอาอยู่ ระบบเบรคก็สามารถตอบสนองได้อย่างดี สำหรับผมเพียงพอครับ แทบจะเกินคาดซะด้วย เพราะถ้าหากพูดถึงรถในสไตล์นี้ สามารถไปกับเส้นทางแบบนี้ได้เต็มประสิทธภาพก็ถือว่าสอบผ่านแล้วครับ หลังจากนั้นเราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงจุดหมายกันอย่างปลอดภัยเป็นอีกวันกับระยะทางที่ค่อนข้างยาวแต่มันส์สุดๆ

• Day 3
อุตรดิตถ์ – น่าน
เข้าสู่ครึ่งทางของการเดินทางสำหรับระยะทางวันนี้ราวๆ 200 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่จังหวัดน่าน ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่เส้นทางที่ใช้ในการเดินทาง นั่นคือเส้นทางธรรมชาติของเขื่อนสิริกิติ์ สองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แอดมินประทับใจสุดๆ มีโค้งสวยๆให้ได้เล่นตลอดเส้นทาง ถนนดีมากขี่กันสนุกมันส์มือเลย และอีกจุดที่วันนี้ผมอยากพูดถึงเรื่องความสมูทของเจ้า interceptor 650 มันทำให้ผมแปลกใจได้ทุกวัน

ซึ่งวันนี้ถือว่าเส้นทางโหดใช้ได้เลย แต่สิ่งที่ทำให้ผมลื่นไหลไปกับเส้นทางได้อย่างมั่นใจคงเป็นเรื่องของความสมูทในทุกๆจุด และที่ทำให้รู้สึกเลยก็คงเป็นเรื่องของคันเร่งที่มีการตอบสนองแบบละเมียดละไมในโค้งเติมเบาๆก็มาแบบเบาๆ ไม่มีอาการกระชากหรือกระตุกของเครื่องยนต์มารบกวน จุดนี้แหละครับที่ทำให้ผมประทับใจสุดๆ เพื่อนๆคนไหนที่สนใจเส้นทางนี้ผมแนะนำเลยนะครับแต่ควรต้องพกสกิลการขับขี่มาสักนิด แล้วคุณจะรู้ว่าความสนุกในการขับขี่นั้นเป็นอย่างไร ต้องลองครับ! หลังจากขับขี่กันมากันสักระยะก็มาหยุดกันที่ท่าเรือ เป็นครั้งแรกผมที่จะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นแพเพื่อข้ามฟาก ล่องผ่านบนพื้นน้ำของเขื่อน สิริกิติ์ หลังจากข้ามไปก็มุ่งหน้าตรงสู่จังหวัดน่าน เป็นการขับขี่อีกวันที่ทำเอาเหนื่อยล้ากันไม่น้อยแต่ยังคงมีเรื่องทำให้เราประทับใจได้ทุกๆวันจริงๆ

• Day 4
น่าน – อ.ปัว
เข้าสู่วันที่ 4 ระยะทางไม่ไกลมากสำหรับวันนี้ ย้ายจากตัวเมืองเดินทางมาที่ อ.ปัว จุดหมายของเราในวันนี้คือการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวบ่อเกลือ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยมากในประเทศไทยและขับขี่ได้อย่างสนุก ความยากของวันนี้คงเป็นการเข้าโค้งขึ้นเขาและลงเขาที่สลับกันมาไม่ขาดสาย พลิกรถกันเพลินกันเลย แวะทานกาแฟที่จุดชมวิวในจุดต่างๆ วิวดีสวยงามสุดๆ

ก่อนที่จะไปแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่เป็นของขึ้นชื่ออย่าง ข้าวซอยนั้นเอง วันนี้ชิลล์ๆ ขี่เที่ยวถ่ายรูปดื่มกาแฟ และจบด้วยเส้นทางที่เป็นไฮไลท์สุดๆในช่วงเย็น แสงแดดยามเย็นส่องกระทบยอดดอกหญ้า เส้นถนนที่ทอดยาวโค้งขึ้นและลงเขา อากาศดีสุดๆ ที่สุดแห่งการขับขี่ ผมอยากแนะนำเลยครับสำหรับน่าน สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่สองล้อ ไม่วุ่นวาย เงียบสงบรถน้อย ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย แล้วคุณจะรักธรรมชาติในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

• Day 5
อ.ปัว-เชียงของ
อีกหนึ่งวันสำหรับการเดินทางไกลระยะทาง 200 กิโลเมตร โดยประมาณ วันนี้ ขี่กันสบายไม่เน้นเที่ยวเยอะเพื่อให้ทุกๆคนได้พักบ้าง มุ่งหน้าตรงสู่เชียงของ แวะทานกาแฟ ข้าว กันตามจุดต่างๆ ทีมงานดูแลอย่างดีมาก น่ารักสุดๆ และต้องบอกเลยว่าไม่มีวันไหนที่เส้นทางที่เราใช้นั้นไม่สวยงาม ทีมงานทำการบ้านกันเป็นอย่างดีเพื่อให้ทุกวันนั้นเต็มไปด้วยความประทับใจ สุดยอดความคุ้มครับ สำหรับครั้งนึงในชีวิตต้องมาสักครั้ง

• Finish Last Day
เชียงของ – เชียงราย
วันสุดท้ายแล้วระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร แต่จะเป็นการวิ่งบนทางหลักมุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้ายของเรา เชียงราย วิ่งทางหลักสบายๆ ไปแวะช็อปปิ้งกันที่ตลาดชายแดนพม่าก่อนจะวิ่งขึ้นเขาไปจิบกาแฟ ของดีร้านพี่ต้นกาแฟดีมาก วิวสวยและสองข้างทางที่วิ่งไปเราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวเขาเป็นภาพที่แปลกตาหาดูยากมาก หลังจากนั้นเราก็วิ่งตรงสู่เชียงรายเป็นอันจบทริปอย่างปลอดภัย ตลอดการเดินทางที่เราได้ร่วมขับขี่กันมากับเพื่อนๆ พี่ๆทุกท่าน รวมถึงเพื่อนชาวอินเดียมันมีความสุขและรอยยิ้มตลอดการเดินทางและผมเชื่อว่าไม่มีวันไหนเลยจริงๆ ที่ไม่ทำให้ทุกคนไม่ประทับ มิตรภาพที่เกิดขึ้นใน 6 วันที่ผ่านมานี้ เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดแล้วครับ

จบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ขับขี่ทั้งชาวไทยและต่างประเทศทุกคนประทับใจ มีความสุข เส้นทางในการขับขี่สนุกมาก บรรยากาศธรรมชาติอันสมบูรณ์ของประเทศไทยทำให้ชาวอินเดียถึงกับต้องอุทานคำว่า “สุดยอด” ออกมาเลยทีเดียว
ต้องขอชื่นชมทีมงานของ Royal Enfield ที่ทำการบ้านวางแผนเส้นทางการเดินครั้งนี้ออกมาได้อย่างลงตัวและที่ทุกคนสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยจนถึงวันสุดท้ายนี้ และผมก็ต้องขอยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้กับรถทั้งสองโมเดล royal enfield interceptor 650 และ royal enfield continental gt 650 ขอบอกเลยว่าเอาอยู่ทุกเส้นทางจริงๆ สมูทสุดๆ ยิ่งขี่ยิ่งมั่นใจ สมรรถนะเกินตัวไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดแต่อยากให้ผู้อ่านทุกท่านได้ลองดูด้วยตัวท่านเอง

สำหรัปทริปนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Royal Enfield ที่ให้เกียรติกับทางนิตยสารโมโตครอสได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ขอบคุณพี่ๆทีมงานที่น่ารัก พี่ยุท พี่เก่ง พี่ปก และพี่ๆทีมงานทุกๆท่านที่ทำงานกันอย่างหนัก สุดท้ายนี้แอดอยากจะบอกว่าโอกาสหน้าRoyal Enfield Tour Of Thailand ครั้งต่อไป พวกคุณไม่ควรพลาดนะครับกับกิจกรรมดีๆแบบนี้ ออกไปลุยซะไม่งั้นคุณจะเสียใจ!!