ผมพยายามหาโอกาสดีๆ ในช่วงฤดูฝนเพื่อสนองกิเลส เพราะร่างกายต้องการสายลม เลยจบที่ทริปสั้นๆ กับการขับขี่ท่องเที่ยวกับก๊วนแก๊งสื่อมวลชน-อินฟลูฯ สายมอเตอร์ไซค์ไปวิ่งเก็บจุดเช็คอินแบบไม่ไกล กรุงเทพฯนัก แถมเป็นเมืองรองที่มีความสวยงามไม่เป็นรองใครอย่างจังหวัด “ลพบุรี” .. งานนี้จึงได้รสชาติการออกทริปครบถ้วนทั้งธรรมชาติ, แลนมาร์ค, เฮอริเทจ และคาเฟ่..
“น้ำมันถังเดียว”
หากออกสตาร์ทจากกทม. ก็จะรวมระยะทางได้กว่า 300 กิโลเมตร.. เติมน้ำมันเต็มถังใส่รถยามาฮ่าออโตเมติกทุกรุ่น วิ่งรวดเดียวสบายใจไม่ต้องกลัวว่าน้ำมันจะหมดถังเสียก่อน.. เราเข้าเมืองลพบุรี แวะถ่ายรูปกับจุดเช็คอินขึ้นชื่อ “ปรางค์สามยอด” ที่หากไม่มาชักภาพร่วมด้วยก็จะเสียเที่ยวเอา แผนเราคือถ่ายภาพแบบกองโจร เลี่ยงการปะทะกับฝูงลิง แต่สถานการณ์กลับสงบกว่าที่คาด ..ลิงไม่เยอะนักอย่างที่เราเข้าใจผิดมาตลอด ทำให้เราได้ภาพสวยๆกับรถยามาฮ่าออโตเมติกครบทุกคัน แถมภาพก็เคลียร์สุดๆ ..
จากนั้นเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่ประวัติศาสตร์ “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” หรือวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2209 บนพื้นที่ 41 ไร่ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับ ใครมาเยี่ยมเยือนที่นี่ก็จะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมได้เกร็ดความรู้ดีๆ กลับบ้านแน่นอน.. และที่นี่ยังเป็นสถานที่อ้างอิงไว้ในละคร “บุพเพสันนิวาต” ด้วยนะ
ขยับออกจากตัวเมืองลพบุรี จังหวัดที่ถือว่าคึกคักมากๆ (คาดคะเนจากการจราจรวันนั้น) ยังดีที่ได้ความคล่องตัวของยามาฮ่าออโตเมติกช่วยไว้ ให้เราขี่ทะลุการจราจรมาได้ไม่ยากเย็น เพื่อไปสู่จุดหมายถัดไป.. ขับขี่สู่อ้อมกอดของธรรมชาติและแหล่งน้ำใหญ่ “อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก” จ.ลพบุรี น่าจะเป็น Unseen ที่ดีสำหรับคนรักการขับขี่ เพราะเหมือนเพิ่งทำถนนมาใหม่เอี่ยม.. เลยได้ภาพการขับขี่สวยๆแถมมาติดไม้ติดมือเล็กน้อย
หลังขับขี่มาค่อนวัน เรามาจบทริปที่ร้าน “Flower House Cafe & Bistro” ..คาเฟ่ที่หันกล้องไปถ่ายมุมไหนก็ดูน่ารักไปเสียหมด แต่เหมือนคณะของเราจะมาเร็วไปหนึ่งเดือน เพราะทุ่งดอกไม้รอบร้านยังไม่ทันโตดี เลยนั่งใช้เวลานั่งพูดคุยถึงความสนุกและความประทับใจในทริปนี้เสียส่วนใหญ่ รู้ตัวอีกที พายุฝนได้แวะมาเยี่ยมเราซะแล้ว..
เราจบทริปแบบมีน้ำมันเหลืออยู่ทุกคัน แม้จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน แต่ยามาฮ่าก็ดีไซน์ความจุให้สามารถขับขี่ท่องเที่ยวแบบนี้ได้สบายกว่าที่คิด..
ดีที่เป็น “Yamaha Automatic”
จุดเด่นที่สุดของรถออโตเมติกจากยามาฮ่าคือ “ความสบาย และ สะดวก” ตั้งแต่ตัวเริ่มที่ 125 ซีซี. ไปถึงพี่ใหญ่ของทริปที่ 300 ซีซี. ก็ “นั่งสบาย” ไม่ต้องเขย่ง แถมเบาะนุ่มทุกคัน ยิ่งเอามาขับขี่ออกทริป 100 กม.++ ยิ่งเห็นผลชัดเจนทีเดียว
ถัดมาคือ “ความประหยัดน้ำมัน” ที่ต้องขอชื่นชม โดยเฉพาะกับรุ่นรหัส “Hybrid” ต่อท้าย.. นวัตกรรมของยามาฮ่าที่พัฒนามาเพื่อความประหยัดน้ำมันสูงสุด ที่แม้ทริปนี้จะมีถังน้ำมันเล็กที่สุด แต่ก็ขับขี่เกาะกลุ่มกับพี่ๆได้ แถมประหยัดกว่าด้วยออปชัน Stop&Start System และกระบอกซีซี. ที่เล็กกว่า..
สุดท้ายคือ ฟังก์ชันการใช้งาน ที่ไม่ได้รองรับแค่ไลฟ์สไตล์ในเมือง การนำมาใช้งานท่องเที่ยวได้ดีไม่แพ้กัน.. ทั้งระบบไฟส่องสว่าง LED ส่องเห็นยามกลางคืนชัดแจ๋ว ช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะขนาดใหญ่ ช่องสัมภาระอเนกประสงค์ด้านหน้า เก็บขวดน้ำ/กระเป๋าสตางค์ได้ไม่เกะกะ, หน้าปัดเรือนไมล์ดิจิทัลอ่านข้อมูลง่าย และระบบกุญแจคีย์เลสอัจฉริยะ “มีให้ทุกคัน” ..ฟีเจอร์เหล่านี้ที่อาจจะมองว่าไม่สำคัญ แต่ทุกครั้งที่ได้ใช้งานมันเมื่อไรก็จะมีประโยคเกิดขึ้นใจใจเสมอว่า “ดีที่เป็น Yamaha Automatic”
ส่งท้าย.. ทริปนี้เป็น 1-Day Trip ที่ระยะทางไม่มากนัก เป็นระยะที่กำลังเหมาะกับการขับขี่เป็นขบวนโดยเพื่อนๆหลากซีซี. ขี่กันชิลล์ๆไม่อยากทำความเร็วมาก (เพราะเดี๋ยวถึงเร็ว) แต่ก็ได้เติมเต็มฟีลลิ่งการออกทริปเต็มที่ ..โดยเฉพาะตอนฝนตก.. วิถีไบเกอร์มันต้องยังงี้!! แถมได้รับความมั่นใจอย่างเต็มกำลังจากการรับประกันคุณภาพสุดโหดของยามาฮ่า.. ค่ายเดียวที่รับประกันคุณภาพกว่า 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ใน “ทุกรุ่น” ที่คุณได้เห็นเราขับขี่ครั้งนี้.. ต้องขอขอบคุณทางยามาฮ่าครับ ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากลองเลือกยามาฮ่าออโตเมติกให้ตรงสไตล์ก็แนะนำให้ไปเจอตัวเป็นๆของแต่ละรุ่นได้ที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านได้ทั่วประเทศครับ